กระทรวงกลาโหมสหรัฐประกาศยกเลิกข้อบังคับสวมหน้ากากอนามัยในอาคาร ซึ่งเป็นไปตามแนวปฏิบัติใหม่จากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐ โดยบุคคลสามารถเลือกสวมหน้ากากอนามัยได้ โดยไม่ต้องคำนึงถึงความเสี่ยงของโรคโควิด 19 ระดับชุมชน
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า กระทรวงกลาโหมสหรัฐยังลดระดับการปกป้องสุขภาพในอาคารเป็น “บราโว” (Bravo) ซึ่งอนุญาตให้รองรับผู้คนได้สูงสุด 50% ของความจุ และเพิ่มทางเลือกสำหรับที่นั่งภายในศูนย์อาหาร หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว CDC ได้ผ่อนปรนคำแนะนำสวมหน้ากากอนามัยสำหรับชาวอเมริกันส่วนใหญ่
เมื่อวันพุธ (2 มี.ค.) ทำเนียบขาวได้วางกลยุทธ์ใหม่สำหรับขั้นตอนต่อไปในการจัดการกับการระบาดของโรคโควิด-19 โดยแผนการจำนวน 96 หน้า มุ่งเน้นที่การป้องกันโรค รักษาโรค และการเตรียมการสำหรับป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 ชนิดกลายพันธุ์ สายพันธุ์ใหม่
ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีโจ ไบเดนแห่งสหรัฐกล่าวระหว่างแถลงนโยบายประจำปีต่อรัฐสภาว่า เราเดินทางถึงช่วงเวลาใหม่ในการต่อสู้กับโรคโควิด-19 โดยยอดผู้ป่วยอาการรุนแรงลดลงแตะระดับที่ไม่เคยมีมาก่อนนับตั้งแต่เดือนก.ค.ปีที่แล้ว พร้อมแสดงคำมั่นที่จะทำทุกทางภายใต้อำนาจที่มีในการเตรียมความพร้อมกรณีเกิดเชื้อไวรัสโควิด-19 ชนิดกลายพันธุ์ สายพันธุ์ใหม่
ข้อมูลจากมหาวิทยาลัยจอห์นส์ ฮอปกินส์ระบุว่า สหรัฐมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมมากกว่า 79 ล้านราย และผู้ป่วยเสียชีวิต 953,000 ราย ซึ่งเป็นจำนวนสูงสุดในโลก
ทั้งนี้ นายสตีเวน ธราเชอร์ นักเขียนบทความและศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยนอร์ทเวสเทิร์นได้เขียนบทความไว้เมื่อเดือนก.พ.ว่า สื่อมวลชนและผู้กำหนดนโยบายกำลังผลักดันให้กลับไปสู่สภาวะในช่วงก่อนเกิดโรคโควิด-19 และพยายามทำให้ยอดผู้ป่วยเสียชีวิตที่มากจนน่าตกใจกลายเป็นเรื่องปกติ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (04 มี.ค. 65)
Tags: CDC, COVID-19, XINHUA, สตีเวน ธราเชอร์, สหรัฐ, หน้ากากอนามัย, เพนตากอน, โควิด-19