พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า กทม.ได้นำเทคโนโลยีสารสนเทศมาสนับสนุนระบบบริการทางการแพทย์อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตในรูปแบบใหม่ หรือ New Normal โดยเฉพาะในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 สำหรับแอปพลิเคชัน “หมอ กทม.” ภายใต้โครงการ Smart OPD ใช้ได้กับโรงพยาบาลในสังกัดสำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร ครอบคลุมครบทั้ง 11 แห่ง โดยเป็นการพัฒนาคุณภาพการให้บริการทางการแพทย์วิถีใหม่ ที่ต้องเว้นระยะห่าง ลดการสัมผัส เพื่อไม่ให้เกิดการแพร่กระจายของเชื้อในวงกว้าง
ทั้งนี้ ผู้ใช้สามารถรับบริการได้ด้วยตนเองผ่านสมาร์ทโฟน เป็นนวัตกรรมที่จะช่วยเชื่อมโยงชีวิตประชาชนให้เข้าถึงบริการการรักษาทางการแพทย์ทั้งแบบฉุกเฉินและไม่ฉุกเฉินได้ง่ายยิ่งขึ้น ครอบคลุมบริการจากโรงพยาบาลในสังกัดสำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานครทั้งหมด 11 แห่ง ซึ่งมีจำนวนผู้ป่วยนอกรวมกว่า 4 ล้านราย และศูนย์บริการการแพทย์ฉุกเฉินกรุงเทพมหานคร (ศูนย์เอราวัณ) รวมทั้งรวบรวมความรู้ด้านสุขภาพจากแพทย์และบุคลากรจากสหสาขาวิชาชีพ
สำหรับแอปฯ “หมอ กทม.” จะช่วยเพิ่มศักยภาพบริการการแพทย์วิถีใหม่ ด้วยเทคโนโลยีที่ทำให้ผู้ใช้บริการสามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลได้อย่างทั่วถึง และแจ้งเหตุฉุกเฉินได้เร็ว แบ่งเบาภาระบุคลากรทางแพทย์ในการให้บริการคนไข้นอกกว่า 4 ล้านคนต่อปี
“โรงพยาบาลกลางจะเป็นโรงพยาบาลนำร่องโครงการ และภายในปลายเดือนมี.ค. หรืออย่างช้าในต้นเดือนเม.ย. จะดำเนินโครงการครบ 11 โรงพยาบาลในกทม. นอกจากนี้ ในอนาคตอีกไม่ไกลจะมีการจ่ายเงินผ่านแอปฯ ไม่ต้องต่อแถวเพื่อรอจ่ายเงินที่โรงพยาบาล ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจสามารถดาวน์โหลดแอปฯ ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยระยะแรกจะใช้บริการนัดหมายออนไลน์ได้ที่โรงพยาบาลกลางก่อน” ผู้ว่ากทม. กล่าว
ด้าน นพ.สุขสันต์ กิตติศุภกร ผู้อำนวยการสำนักการแพทย์ กทม. กล่าวว่า แอปฯ “หมอ กทม.” เป็นโครงการความร่วมมือระหว่างกทม. โดยสำนักการแพทย์ และธนาคารกสิกรไทย (KBANK) พัฒนาการให้บริการผู้ป่วยผ่านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (smart device) ในการอำนวยความสะดวกให้ผู้ป่วย และผู้ใช้บริการที่เข้าใช้บริการกับโรงพยาบาลสังกัดกทม. โดย “แอปฯ “หมอ กทม.” นั้นถือเป็นอีกหนึ่งของขวัญปีใหม่ที่มอบให้ประชาชนในกทม. เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาพยาบาล
ด้าน น.ส.ขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร KBANK กล่าวว่า ธนาคารดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงความสมดุลทั้งด้าน เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม จึงตระหนักถึงความสำคัญของการนำเทคโนโลยีมาช่วยแก้ปัญหาและยกระดับคุณภาพชีวิตในสังคมมิติต่างๆ รวมทั้งการส่งเสริมบริการด้านสาธารณสุข ในส่วนของสถานการณ์ปัจจุบัน ความต้องการใช้บริการทางการแพทย์มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น เป็นผลมาจากการแพร่ระบาดโควิด-19 การเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรและสังคมผู้สูงอายุ ตลอดจนโรคอุบัติใหม่ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
“ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ได้เห็นความพยายามของภาคสาธารณสุข ในการพัฒนระบบบริการรูปแบบดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเริ่มเห็นผลชัดเจนในช่วงโควิด-19 ที่มีความจำเป็นต้องให้บริการทางการแพทย์ผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น เช่น ระบบการจองวัคซีน และแพทย์ทางไกล เป็นต้น นอกจากนี้ ในปี 65 ประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ ซึ่งการนำเทคโนโลยีมาใช้บริการทางการแพทย์นั้น จะทำให้ประชาชนทุกคนสามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์ที่ดีได้มากขึ้นด้วยค่าใช้จ่ายที่ลดลง” น.ส.ขัตติยา กล่าว
ธนาคารกสิกรไทย จึงตั้งใจนำเทคโนโลยีซึ่งธนาคารมีความเชี่ยวชาญ มาช่วยสนับสนุนในการพัฒนาระบบบริการทางแพทย์ของกรุงเทพมหานคร สร้างแอปฯ “หมอ กทม.” ร่วมกับกทม. และสำนักการแพทย์กทม. เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้บริการในช่วงที่สังคมยังต้องใช้ชีวิตแบบเว้นระยะห่าง ลดข้อจำกัดในระบบการดูแลสุขภาพในช่วงที่มีความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างมาก รวมถึงการเตรียมความพร้อมหากวิกฤติเกิดขึ้นอีก
นอกจากนี้ ยังเป็นเทคโนโลยีที่เอื้อให้เกิดการต่อยอดด้วยบริการใหม่ๆ ได้อีกในอนาคต เพื่อนำการแพทย์วิถีใหม่มาช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตให้แก่ประชาชนในระยะยาว สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของธนาคารกสิกรไทยในการร่วมสร้างสังคมที่ยั่งยืน
“การพัฒนาแอปฯ เป็นการรวบรวมข้อมูลสุขภาพให้เป็นระบบ ระเบียบ บนมาตรฐานเดียวกัน ผู้ใช้บริการสามารถใช้เพียงแอปฯ เดียว (Single App) เท่านั้น ในการเข้าถึงบริการโรงพยาบาลในสังกัดทั้ง 11 แห่ง โดยข้อมูลที่จะแสดงบนแอปฯ ได้รับการออกแบบให้ใช้งานง่าย สามารถใช้ได้ด้วยตนเอง ทั้งการนัดหมายแพทย์ แจ้งเตือนการนัดหมาย ทราบระยะเวลาในการรอคอยการพบแพทย์ และเชื่อมโยงระบบชำระเงินในระบบ E-payment” น.ส.ขัตติยา กล่าว
สำหรับแอปฯ “หมอ กทม.” มุ่งพัฒนาใน 3 แกนหลัก คือ 1. การเชื่อมต่อข้อมูลจากฐานข้อมูลกลางของโรงพยาบาล (Hospital Information System: HIS) มาแสดงที่แอปฯ ทำให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงประวัติสุขภาพและการรักษาได้ด้วยตนเอง ช่วยให้การรักษาและการรับบริการทางการแพทย์มีประสิทธิภาพมากขึ้น 2. การสร้างประสบการณ์ใช้บริการผ่านแอปฯที่ใช้งานง่าย รวดเร็ว ผู้ใช้บริการสามารถทำได้ด้วยตนเอง ทั้งในและนอกสถานที่ของโรงพยาบาล และ 3. การเชื่อมโยงระบบชำระเงินและบริการทางเงินต่างๆ ที่เลี่ยงสัมผัสเงินสด ส่วนบริการสำคัญในแอปฯ “หมอ กทม.” เช่น
-นัดหมายพบแพทย์ ตรวจสอบรายการนัดหมาย แจ้งเตือนการนัดหมาย และกดรับบัตรคิวในแอปฯ
-ตรวจสอบสิทธิการักษาพยาบาล อาทิ สิทธิบัตรทอง สิทธิประกันสังคม และสิทธิข้าราชการ
-ตรวจสอบสถานะคิวตรวจ แจ้งลำดับคิว และขั้นตอนการใช้บริการในโรงพยาบาล
-ลงทะเบียนตรวจรักษา บริการลงทะเบียนตรวจรักษาโรค จองวันเข้ารับการตรวจรักษาได้ง่าย ผ่านแอปฯ
-ประวัติการรักษา ตรวจสอบผลวินัจฉัยโรค ประวัติการแพ้ยา/วัคซีน ประวัติรับยา ทำให้ผู้ใช้บริการสามารถรับบริการจากสถานพยาบาลอื่นได้สะดวก โดยเรียกดูข้อมูลการรักษาได้เองโดยไม่ต้องมาโรงพยาบาล
-แจ้งเหตุเจ็บป่วยฉุกเฉิน ด้วยฟีเจอร์แจ้งเหตุเจ็บป่วยฉุกเฉิน พร้อมแชร์โลเคชันเพื่อขอรับการช่วยเหลือจากศูนย์เอราวัณ
-ตรวจรักษาออนไลน์ บริการตรวจรักษาด้วยระบบโทรเวชกรรม (Tele-medicine) โดยสามารถตรวจรักษา ติดตามอาการ ตลอดจนได้รับคำแนะนำในการใช้ยาจากแพทย์ผ่านระบบวีดีโอคอล (VDO Call) โดยไม่ต้องมาโรงพยาบาล ผู้ใช้บริการสามารถรับยาผ่านไปรษณีย์ หรือรับด้วยตนเองที่ร้านยาใกล้บ้าน
ทั้งนี้ ประชาชนที่สนใจ สามารถดาวน์โหลดแอปฯ “หมอ กทม.” ได้แล้ววันนี้ โดยแต่ละโรงพยาบาลจะเริ่มทยอยขึ้นจนครบ 11 โรงพยาบาล ได้แก่ 1. โรงพยาบาลกลาง 2. โรงพยาบาลตากสิน 3. โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ 4. โรงพยาบาลสิรินธร 5. โรงพยาบาลหลวงพ่อทวีศักดิ์ ชุตินฺธโร อุทิศ 6. โรงพยาบาลเวชการุณย์รัศมิ์ 7. โรงพยาบาลลาดกระบังกรุงเทพมหานคร 8. โรงพยาบาลราชพิพัฒน์ 9. โรงพยาบาลผู้สูงอายุบางขุนเทียน 10. โรงพยาบาลคลองสามวา 11. โรงพยาบาลบางนากรุงเทพมหานคร รวมถึงศูนย์บริการการแพทย์ฉุกเฉินกรุงเทพมหานคร (ศูนย์เอราวัณ) ภายในปลายเดือนมี.ค. 65
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (04 มี.ค. 65)
Tags: ขัตติยา อินทรวิชัย, ธนาคารกสิกรไทย, หมอ กทม., อัศวิน ขวัญเมือง