โบรกฯเชียร์ซื้อ GLOBAL ยอดขายบวกต่อเนื่อง-มาตรการรัฐหนุน-ลุยลงทุนอาเซียน

โบรกเกอร์ต่างเชียร์ “ซื้อ” หุ้น บมจ.สยามโกลบอลเฮ้าส์ (GLOBAL) หลังยอด SSSG เป็นบวกตั้งแต่ Q4/64 และคาดต่อเนื่องมาจนถึง Q1/65 จากการเข้าสู่ฤดูกาลซื้อ และยังได้แรงหนุนจากมาตรการภาครัฐกระตุ้นการใช้จ่าย พร้อมวางแผนเปิดสาขาเพิ่มอีก 7-8 สาขาทั้งในและต่างประเทศในปี 65

นอกจากนั้น บริษัทยังเดินหน้าขยายธุรกิจด้วยการให้บริษัทร่วมทุนอย่างโกลบอลเฮ้าส์ อินเตอร์ เนชั่นแนล จำกัด (GBI) เข้าซื้อหุ้นในบริษัท Caturkarda Depo Bangunan Tok (CKDB) ผู้นำร้านค้าปลีกวัสดุก่อสร้างประเทศอินโดนีเซีย เพื่อเริ่มต้นขยายธุรกิจไปยังประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคอาเซียนเพิ่มขึ้น

รวมทั้งบริษัทมีแผนรักษาระดับ Gross Profit Margin ด้วยการเพิ่มสัดส่วนสินค้า House Brand พร้อมเน้นกลยุทธ์ Product Mix และปรับราคาสินค้าตามต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น

ราคาหุ้น GLOBAL ปิดภาคเช้าอยู่ที่ 21.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท (+2.40%) ขณะที่ SET -0.48%

โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น)
ธนชาติ  ซื้อ  30.00
เคทีบีเอสที ซื้อ 28.00
โนมูระ พัฒนสิน ซื้อ 28.00
หยวนต้า  ซื้อ 27.80
เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ซื้อ 27.50
ฟินันเซีย ไซรัส   ซื้อ 27.50
คันทรี่กรุ๊ป ซื้อ 25.00
กสิกรไทย ซื้อ 24.80
ซีจีเอส ซีไอเอ็มบี ซื้อ 24.50
ทิสโก้ ซื้อ 23.20

นางสาววิชชุดา ปลั่งมณี ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ธุรกิจจำหน่ายสินค้าวัสดุก่อสร้างยังมีแนวโน้มที่เติบโต เห็นได้จากยอด SSSG เป็นบวกตั้งแต่ Q4/64 และคาดต่อเนื่องมาจนถึง Q1/65 จากการเข้าสู่ฤดูกาลซื้อ และยังได้รับแรงหนุนจากมาตรการภาครัฐ โดยเฉพาะช้อปดีมีคืน

พร้อมประเมินรายได้ทั้งปี 65 อยู่ที่ 3.7 หมื่นล้านบาท เติบโต 12.5% และยังคงรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นด้วยการเพิ่มสัดส่วนสินค้า House Brand ขึ้นเป็น 21-22% ในปี 65 จากปีก่อนที่ 20% นอกจากนี้ ยังเน้นกลยุทธ์ Product Mix และคาดว่าในปี 65 ระดับ GPM จะยังอยู่ที่ประมาณ 23-24%

สำหรับแผนขยายธุรกิจ ได้นำบริษัท โกลบอลเฮ้าส์ อินเตอร์ เนชั่นแนล จำกัด (GBI) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง GLOBAL และ บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) เข้าซื้อหุ้นบริษัท Caturkarda Depo Bangunan Tok (CKDB) ผู้นำร้านค้าปลีก สินค้าวัสดุก่อสร้าง เครื่องมือ รวมถึงการตกแต่งบ้านและสวนครบวงจร ในอินโดนีเซีย ซึ่งจะทำให้มีสัดส่วนการถือหุ้น CKDB 22% คาดจะเป็นโอกาสในแง่ของการลงทุน และเริ่มต้นขยายธุรกิจไปยังประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคอาเซียนเพิ่มขึ้น

“ราคาหุ้นของ GLOBAL ก็ยังเห็นโอกาสมีอัพไซด์ เราให้ Target Price ไว้ที่ 27.80 บาท/หุ้น เรามองว่า Sentiment นช่วงไตรมาสแรกของปี 65 ก็ยังเป็นโอกาสที่ดีในเรื่องของรายได้ ทั้งยอด SSSG ที่ดีต่อเนื่อง จากการเข้าสู่ฤดูกาลซื้อและมีแรงหนุนจากมาตรการภาครัฐ ในแง่ของการลงทุนต่างประเทศก็น่าจะเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่เพิ่มการจัดจำหน่ายสินค้า ก็ต้องมองว่าในอนาคตจะขยายการลงทุนไปยังประเทศใกล้เคียงหรือเปล่า อันนี้ก็นับเป็นประเด็นที่น่าสนใจ”

นางสาววิชชุดากล่าว

ด้าน บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ระบุในบทวิเคราะห์ว่า แนวโน้ม SSSG ยังคงดีต่อเนื่องจาก Q4/64 คาดเดือน ม.ค.65 เป็นบวกประมาณ 10% โดยสินค้าขายดีคือกลุ่มสินค้าวัสดุก่อสร้าง ปรับปรุงซ่อมแซม และตกแต่ง ด้านอัตรากำไรขั้นต้นปี 65 คาดทรงตัวได้จากในปี 64 บริษัทได้ทยอยปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้นตามต้นทุนที่สูงขึ้นมาตั้งแต่ปีก่อน อีกทั้งมีการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ คาดว่าจะชดเชยราคาเหล็กที่มีแนวโน้มชะลอตัวลงได้

นอกจากการเข้าซื้อหุ้นใน CKDB ผู้นำร้านค้าปลีกสินค้าวัสดุก่อสร้างในประเทศอินโดนีเซีย GLOBAL ยังมีสาขาในกัมพูชา 1 สาขา ลาว 7 สาขา เมียนมา 8 สาขา และคาดว่าจะเปิดสาขาแรกในฟิลิปปินส์ในปี 66 ทั้งนี้ ส่วนแบ่งกำไรจากลาวและเมียนมาร์ในปี 64 โต 246% เป็น 81 ล้านบาท คิดเป็น 2.5% ของกำไร GLOBAL และมีโอกาสเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในระยะยาวจากการขยายสาขาเพิ่มขึ้น

สำหรับ บล.เคทีบีเอสที ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ยังคงเห็นการเติบโตอย่างต่อเนื่องในระยะยาวของ GLOBAL โดยคงกำไรสุทธิปี 65 ที่ 3.49 พันล้านบาท จากปัจจัยหลักอย่างรายได้ที่เติบโต +9% YoY หลังวางแผนเปิดสาขาเพิ่มอีก 7-8 สาขา ทั้งในประเทศและต่างประเทศ อีกทั้งยังได้รับประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐฯ ประกอบกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ หลังภาคธุรกิจได้ปรับตัวกับสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 อีกด้วย

และแม้ว่าจะคาด GPM ที่ 24.5% ลดลงจากปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 25.2% หลังประเมินว่าราคาเหล็กอาจอ่อนตัวลงจากปี 64 อย่างไรก็ตาม GLOBAL จะยังมีการปรับกลยุทธ์การขาย Product Mix เน้นสินค้าที่มีอัตรากำไร และเพิ่มสัดส่วนสินค้า House Brand มากขึ้น

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 ก.พ. 65)

Tags: , , ,