เว็บไซต์ BitMEX เผยแพร่บทวิเคราะห์ที่ชื่อว่า “5 สิ่งในโลกคริปโทเคอร์เรนซีจะเปลี่ยนแปลงไปในปี 2565” (Five Ways The World Of Crypto Will Change In 2022)
มีผู้กล่าวไว้ว่า 1 ปีในโลกของคริปโทฯ เท่ากับ 7 ปีในโลกภายนอก หลายสิ่งเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้ BitMEX ต้องกลับมาตรวจสอบสมมติฐานของบริษัทและปรับเปลี่ยนมุมมองใหม่อีกครั้ง โดย BitMEX มีเป้าหมายที่จะสำรวจและทดสอบสิ่งที่มีแนวโน้มจะเกิดขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2565 เพื่อประเมินว่า จะเกิดอะไรขึ้นบ้างในอุตสาหกรรมคริปโทฯ
อย่างไรก็ดี BitMEX ไม่ได้คาดหวังว่าการวิเคราะห์ทั้งหมดนี้จะถูกต้องเสมอไป และจะยังคงติดตามสถานการณ์เพื่อตรวจสอบสิ่งที่วิเคราะห์ไว้อย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้ BitMEX คาดว่า มี 5 สิ่งในโลกคริปโทฯ ที่จะเปลี่ยนแปลงไปในปี 2565 ซึ่งได้แก่
1. ในปี 2565 ผู้หญิงจะให้ความสนใจในสกุลเงินคริปโทฯ มากขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ศักยภาพของสกุลเงินคริปโทฯ จะช่วยให้เราสามารถลงทุน, มีปฏิสัมพันธ์ และทำธุรกิจได้อย่างมีเสรีภาพและมีวิวัฒนาการ แต่ก็มีอุปสรรคใหญ่ที่อาจทำให้เราไม่สามารถเดินไปสู่เป้าหมายของวิวัฒนาการนั้น หนึ่งในนั้นคือช่องว่างระหว่างเพศหญิงและเพศชาย (gender gap) โดยสถิติทั่วโลกพบว่า มีผู้หญิงเพียง 5% เท่านั้นที่สนใจลงทุนในคริปโทฯ เมื่อเทียบกับการลงทุนในตลาดหุ้นที่ราว 25% แต่เราเชื่อว่าสิ่งนี้จะเปลี่ยนแปลงไปในอนาคต
คริปโทฯ เป็นเสมือนจุดเริ่มต้นของการเดินทาง และเรามองว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ โดยคาดว่าจำนวนผู้ใช้คริปโทฯ จะพุ่งขึ้นอย่างมากจากประมาณ 300 ล้านคนไปเป็นจำนวนสูงถึง 1 พันล้านคนภายในสิ้นปี 2565 และเราคาดว่า เฟสต่อไปของการใช้สกุลเงินคริปโทฯ อย่างกว้างขวางนั้น จะปูทางไปสู่การผลักดันให้คริปโทฯ ถูกจัดอยู่ในประเภทของสินทรัพย์ที่มีความครอบคลุมมากที่สุดอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ยกตัวอย่างเช่น ในสหรัฐอเมริกา ชาวผิวสีลงทุนในคริปโทฯ มากกว่าในตลาดหุ้นหรือกองทุนรวม ส่วนผู้หญิงนั้นยังคงสังเกตการณ์อยู่นอกตลาด แต่เราเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นในปีนี้ เนื่องจากคริปโทฯ ได้กลายมาเป็นกระแสหลัก หลังจากที่มีนักลงทุนรายใหญ่ในอุตสาหกรรมคริปโทฯ ออกมาแสดงความเชื่อมั่น ส่งเสริม ให้ความรู้ และทำให้นักลงทุนเข้าถึงคริปโทฯ ได้ง่ายขึ้น
เมื่อพิจารณาจากการศึกษาอย่างต่อเนื่องพบว่า โดยเฉลี่ยแล้วผู้หญิงมักคำนึงถึงความเสี่ยงก่อนที่จะลงทุน แต่เราเชื่อว่า แนวโน้มนี้จะเปลี่ยนแปลงไป โดยจะมีผู้หญิงมากกว่าครึ่งหนึ่งของผู้ใหญ่ 63% ในสหรัฐที่อยากรู้เกี่ยวกับคริปโทฯ โดยพวกเธอยังไม่ได้เป็นเจ้าของคริปโทฯ แต่ต้องการที่จะเรียนรู้มากขึ้น และในปี 2565 เม็ดเงินใหม่ที่จะหลั่งไหลเข้าสู่ตลาดคริปโทฯ นั้น จะมาจากผู้หญิงกลุ่มนี้
2. โซลานาจะกลายเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวของอีเธอร์เรียม
ที่ผ่านมา โซลานา (Solana) ถูกมองว่าเป็นไก่รองบ่อน แต่ BitMEX มองว่า โซลานายังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก แม้จะทำผลงานพุ่งขึ้นอย่างร้อนแรงไปแล้วถึง 11,400% ในปีที่แล้ว นอกจากนี้ BitMEX ยังเชื่อว่า โซลานาจะเข้ามาท้าทายอีเธอร์เรียม (Ethereum) ในไม่ช้านี้
เป็นที่ทราบกันว่า โซลานามีข้อได้เปรียบคู่แข่งหลายด้าน โดยคริปโทฯ สกุลนี้มีราคาถูกกว่าและสามารถซื้อขายแลกเปลี่ยนได้รวดเร็วกว่าสกุลเงินคริปโทฯ อื่น ๆ ซึ่งรวมถึงอีเธอร์เรียม, คาร์ดาโน (Cardano), เทอร์รา (Terra) , อวาแลนช์ (Avalanche), โพลคาดอต (Polkadot) และอัลโกแรนด์ (Algorand) ซึ่งข้อได้เปรียบนี้ได้ดึงดูดแอปพลิเคชัน (decentralised apps – dApps) ต่าง ๆ กว่า 400 แอปมายังโซลานานับตั้งแต่ที่มีการเปิดตัวในเดือนมี.ค. ปี 2563 ส่งผลให้โซลานาเบียดตัวเข้าไปมีส่วนแบ่งใน dApps ที่ใช้แพลตฟอร์มของอีเธอร์เรียม
โซลานาใช้อัลกอริทึม Proof-of-Stake เพื่อเพิ่มศักยภาพในการตรวจสอบการทำธุรกรรมเหมือนกับคู่แข่งอื่น ๆ ของอีเธอร์เรียม แต่โซลานาได้เพิ่มอัลกอริทึม Proof-of-History เข้ามาด้วย ซึ่งกลไกนี้มีความจำเป็นอย่างมากเพราะถูกออกแบบมาเพื่อบันทึกเวลาสำหรับการทำธุรกรรมแต่ละครั้ง
ทั้งนี้ BitMEX เชื่อว่า ข้อได้เปรียบเหล่านี้จะช่วยให้โซลานาผงาดขึ้นเป็นต้นแบบในโลกของสินทรัพย์ดิจิทัลประเภท NFT (Non-fungible token), เมตาเวิร์ส และ Web 3.0 ในไม่ช้า
3. คริปโทฯ เกมมิ่ง (Crypto Gaming) จะบูมสุดขีด
ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา เกมคริปโทฯ ได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในหลายด้าน รวมถึงกราฟิกที่ไม่สวยงาม และใช้เวลาโหลดนาน ซึ่งบรรดาผู้พัฒนาเกมคริปโทฯ ต่างก็มองข้ามปัญหาเหล่านี้ในช่วงแรก แต่คาดว่าข้อด้อยเหล่านี้จะได้รับการแก้ไขในวันข้างหน้า เนื่องจากจะมีนักพัฒนาจำนวนมากเข้ามาปรับปรุงแก้ไขให้คริปโทฯ และ GameFi สามารถสร้างความมั่งคั่งและพลิกโฉมของการเล่นเกม ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะทำให้คริปโทฯ เกมมิ่งกลายเป็นที่ต้องการ และมีผู้คนอยากเข้ามาร่วมในระบบนิเวศของคริปโทฯ เกมมากขึ้น
บรรดานักเล่นเกมและนักพัฒนาเกมกระแสหลักทั่วโลกราว 3.2 พันล้านคนได้แสดงเจตนารมณ์ที่ชัดเจนว่าจะใช้บล็อกเชน และ NFT ซึ่งเห็นได้ชัดว่า การเล่นเกมจะเข้ามามีบทบาทอย่างมากในโลกคริปโทฯ โดยจะมีผู้ใช้งานรายใหม่หลายร้อยล้านคนในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้
ผลการวิจัยซึ่งจัดทำโดย Opinium ระบุว่า 58% ของผู้เข้าร่วมสำรวจระบุว่า พวกเขากำลังเริ่มใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนในเกมของตน และ 48% ระบุว่า พวกเขาใช้ NFT ในเกม นอกจากนี้ ผู้ร่วมสำรวจ 64% เชื่อว่า บล็อกเชนจะกลายเป็นเทคโนโลยีที่พบได้ทั่วไปในเกมในอีก 2 ปีข้างหน้า
BitMEX เชื่อว่า แม้ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีแนวโน้มที่จะคุมเข้มนโยบายการเงินในปี 2565 เพื่อควบคุมเงินเฟ้อ แต่สกุลเงินคริปโทฯที่ใช้เล่นเกม ซึ่งรวมถึง NFT และเมตาเวิร์ส จะมีความยืดหยุ่นมากกว่าคริปโทฯ ประเภทอื่น ๆ เพราะความสำเร็จเหล่านี้มาจากการที่ผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมอย่างแท้จริง
4. ความต้องการผลิตภัณฑ์การออมคริปโทฯ ที่ให้ผลตอบแทนสูงจะพุ่งขึ้นอย่างมาก
BitMEX คาดว่าในปีนี้ นักลงทุนคริปโทฯ จะหันเหความสนใจออกจากการเพิ่มค่าเงินทุน (capital appreciation) ไปเป็นการทำให้สินทรัพย์ที่ถือครองอยู่นั้นสร้างผลตอบแทนได้อย่างปลอดภัยและต่อเนื่อง
ในช่วงต้นปีนี้ อัตราดอกเบี้ยซึ่งปรับค่าเงินเฟ้อแล้วนั้น ดิ่งลงอย่างมาก ขณะที่มูลค่าที่แท้จริงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปียังคงอยู่ในระดับติดลบ ซึ่งหมายความว่า ในเงินออมทุก ๆ 100 ดอลลาร์ คุณอาจขาดทุนประมาณ 1 ดอลลาร์ในทุก ๆ ปี
เมื่อโลกเข้าสู่ปีที่ 14 ของการใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย คนรุ่นใหม่ได้เติบโตขึ้นโดยไม่เคยสัมผัสถึงมูลค่าที่สูงขึ้นในเงินออมของพวกเขา เมื่อโลกเผชิญกับวิกฤตการเงินในปี 2551 คนรุ่น Gen Z ที่มีอายุมากที่สุดเพิ่งจะเริ่มตั้งตัวได้ โดยคนรุ่นนี้ไม่เคยมีโอกาสเหมือนคนรุ่นก่อนที่สร้างผลตอบแทนที่มีความเสี่ยงต่ำด้วยการนำเงินไปฝากธนาคารหรือซื้อพันธบัตรรัฐบาล ด้วยเหตุนี้ จึงไม่น่าแปลกใจที่จะเห็นคนกลุ่มนี้เต็มใจที่จะเสี่ยงเพื่อให้เงินของพวกเขางอกเงยเพิ่มขึ้น
เมื่อพิจารณาจากสภาพแวดล้อมของเศรษฐกิจระดับมหภาคในปัจจุบันพบว่า ความต้องการผลิตภัณฑ์การออมที่ให้ผลตอบแทนสูงจากบริษัทคริปโทฯ ที่มีชื่อเสียงนั้น มีแนวโน้มพุ่งขึ้นในปีนี้ ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่มีความสะดวกต่อการใช้งานเหล่านี้จะช่วยให้นักลงทุนสามารถรักษาโอกาสในช่วงเวลาที่ตลาดเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงหากเฟดตัดสินใจใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงินในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ และสิ่งที่สำคัญก็คือ ผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะช่วยให้บรรดานักลงทุนอายุน้อยได้ลิ้มรสถึงการได้รับผลตอบแทนที่มีความเสี่ยงต่ำ เหมือนกับที่คนรุ่นเบบี้บูมเมอร์เคยได้รับมาแล้ว
5. บริษัทคริปโทฯ จะรุกซื้อธุรกิจของบริษัทในกลุ่ม TradFi ในปี 2565
คนจำนวนมากให้ความสนใจซื้อสินทรัพย์ดิจิทัลของบริษัทในกลุ่ม TradFi เนื่องจากมีสัญญาณบ่งชี้ว่า คริปโทฯ กำลังเติบโตอย่างเต็มที่ ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญส่วนหนึ่งคาดการณ์ว่า เพื่อตอบสนองต่อความต้องการในตลาดที่เพิ่มขึ้นนี้ จะมีผู้เล่นในกลุ่ม TradFi มากขึ้นที่ต้องการเพิ่มขนาดสินทรัพย์ดิจิทัลในพอร์ตของตนเองด้วยการซื้อกิจการบริษัทคริปโทฯ
ทั้งนี้ กลุ่ม TradFi ประกอบไปด้วยธนาคารลูกค้ารายย่อย ธนาคารพาณิชย์ วาณิชธนกิจ และฟินเทค
นับจนถึงขณะนี้ เป้าหมายของการทำข้อตกลงซื้อกิจการและควบรวมกิจการ (M&A) ที่ใหญ่ที่สุดคือบริษัทคริปโทฯ โดยการทำข้อตกลงครั้งใหญ่ที่สุด 5 รายการในปี 2564 นั้น นับเป็นมูลค่าสูงสุดในอุตสาหกรรมนี้ โดยในจำนวนนี้มี 3 บริษัทคริปโทฯ ที่ต้องการซื้อกิจการ และมี 2 บริษัทที่เกี่ยวข้องกับบริษัทในกลุ่ม TradFi ต้องการซื้อกิจการ
สำหรับภาพรวมของปี 2564 นั้นพบว่า มีการทำธุรกรรม M&A จำนวนมากถึง 201 รายการ เพิ่มขึ้น 131% จากปี 2563 ซึ่งมีอยู่เพียง 85 รายการ ส่วนมูลค่าการควบรวมกิจการเหล่านั้นพุ่งขึ้น 730% แตะที่ 6.1 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นอีกหมุดหมายสำคัญของวงการคริปโทฯ
ทั้งนี้ BitMEX คาดว่า แนวโน้มการทำธุรกรรม M&A ในวงการคริปโทฯ จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2565 โดยคาดว่าจะได้เห็นการควบรวมกิจการและเข้าซื้อกิจการครั้งใหม่ ๆ เกิดขึ้นอีกเป็นจำนวนมาก
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 ก.พ. 65)
Tags: BitMEX, Cryptocurrency, NFT, คริปโทเคอร์เรนซี, สินทรัพย์ดิจิทัล