โบรกเกอร์เชียร์ “ซื้อ” หุ้นบมจ.อินโดรามา เวนเจอร์ส (IVL) จากแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/65 เติบโตดีกว่าไตรมาส 4/64 ตามปัจจัยฤดูกาล และการกลับมาเดินเครื่องของโรงงาน Cracker เต็มที่ และการปรับสัญญาราคาขายใหม่ ทำให้มาร์จิ้นปรับตัวดีขึ้น อีกทั้งในช่วงปลายไตรมาส 1/65 คาดว่าจะปิดดีลซื้อกิจการ Oxiteno ประเทศบราซิลได้ ซึ่งจะหนุนการรับรู้รายได้ในไตรมาส 2/65 ให้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
ราคา IVL ปิดเช้าที่ 51.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท (+0.49%) ขณะที่ SET บวก 0.79%
โบรกเกอร์เชียร์ “ซื้อ” หุ้นบมจ.อินโดรามา เวนเจอร์ส (IVL) จากแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/65 เติบโตดีกว่าไตรมาส 4/64 ตามปัจจัยฤดูกาล และการกลับมาเดินเครื่องของโรงงาน Cracker เต็มที่ และการปรับสัญญาราคาขายใหม่ ทำให้มาร์จิ้นปรับตัวดีขึ้น อีกทั้งในช่วงปลายไตรมาส 1/65 คาดว่าจะปิดดีลซื้อกิจการ Oxiteno ประเทศบราซิลได้ ซึ่งจะหนุนการรับรู้รายได้ในไตรมาส 2/65 ให้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
ราคา IVL ปิดเช้าที่ 51.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท (+0.49%) ขณะที่ SET บวก 0.79
โบรกเกอร์ | คำแนะนำ | ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) |
---|---|---|
หยวนต้า | ซื้อ | 57.00 |
เอเชีย พลัส | ซื้อ | 56.00 |
โนมูระ พัฒนสิน | ซื้อ | 57.50 |
แลนด์ แอนด์ เฮาส์ | ซื้อ | 62.00 |
บัวหลวง | ซื้อ | 62.00 |
นายปรินทร์ นิกรกิตติโกศล นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า คาดผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/65 จะเติบโตดีกว่าไตรมาส 4/64 เป็นไปตามปัจจัยฤดูกาล และการกลับมาเดินเครื่องของโรงงาน Cracker เต็มที่ หลังปีก่อนมีการชัดดาวน์ไปหลายแห่ง รวมถึงมาร์จิ้นฟื้นตัวขึ้น จากการปรับสัญญาราคาขาย PET ในฝั่งตะวันตก จากเดิมที่เป็นรูปแบบคอนแทค ซึ่งไม่ค่อยได้ประโยชน์มากนัก แต่เมื่อมีการปรับสัญญาราคาขายใหม่ ก็จะสะท้อนราคาตลาดมากขึ้น
ขณะที่คาด IVL จะสามาถปิดดีลซื้อกิจการ (M&A) Oxiteno ในประเทศบราซิล ได้ในปลายไตรมาส 1/65 และจะเริ่มรับรู้รายได้เข้ามาในไตรมาส 2/65 ซึ่งปกติแล้วในไตรมาสนี้จะเป็น High season ทำให้ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/65 จะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
ทั้งนี้ด้วยภาพดังกล่าวจึงแนะนำ ซื้อ ปรับราคาเพิ่มขึ้นเป็น 57 บาท จากผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/64 ที่เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และไตรมาสก่อนหน้า แม้จะเป็นช่วง Low season แต่ได้รับปัจจัยบวกจากการเพิ่มขึ้นของ West Inteqrated PET Spread จำกัด โดย 60-70% เป็นสัญญาราคาขายที่ถูกกำหนดไว้ล่วงหน้า ขณะที่ไตรมาส 1/65 ก็จะเติบโตดีกว่าไตรมาส 4/64 ตามปัจจัยฤดูกาล ส่วนไตรมาส 2/65 จะเติบโตดีที่สุด
ประเมินกำไรสุทธิปี 65 เติบโต 13% มาที่ 32,000 ล้านบาท จากปี 64 คาดอยู่ราว 28,000 ล้านบาท (ยังไม่ได้รวมกำไรจากการสต็อกน้ำมัน) แต่หากนับรวมกำไรจากการสต็อกน้ำมันคาดกำไรปกติจะเติบโตได้ราว 40%
บทวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า คาดกำไรจากการดำเนินงานปกติงวดไตรมาส 1/65 อาจเห็นการปรับตัวขึ้นได้อีก จากงวดไตรมาส 4/64 ได้ปัจจัยหนุนจากการเข้าสู่ช่วงฤดูกาลสะสมสต๊อกไว้ใช้ในช่วง high season ไตรมาส 2 ของทุกปีอีกครั้ง และจากข้อมูลที่ได้รับจากผู้บริหารพบว่า ปริมาณขายในไตมาส 1/65 ได้ทำสัญญาขายไปแล้วด้วย spread ในระดับที่ดี นอกจากนี้คาดจะได้รับผลบวกจากการกลับมาเดินเครื่องของโรงงานอีเทนแครกเกอร์ในสหรัฐฯ ตั้งแต่ต้น เดือน ธ.ค.64 ทำให้ไม่น่าจะบันทึกขาดทุนจากการดำเนินงานเช่นที่เกิดขึ้นทุกไตรมาส ของปี 64 อีกแล้ว ทำให้ภาพรวมกำไรงวดไตรมาส 1/65 น่าจะยังสดใส
ฝ่ายวิจัยได้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปกติปี 65-66 ขึ้นสะท้อนการปรับเพิ่มสมมติฐาน Spread ผลิตภัณฑ์กลุ่ม PET, PTA และ HVA (High Value Added) ฝั่ง West (อเมริกา และยุโรป) เนื่องจากได้รับข้อมูลเพิ่มเติมจากผู้บริหารว่าทาง IVL ได้ล็อคสัญญาขายผลิตภัณฑ์ไปแล้วกว่า 70% ของปริมาณขายฝั่ง West (หรือราวกว่า 50% ของปริมาณขายรวมของ IVL ในปี 65) ที่ spread สูงกว่าค่าเฉลี่ยที่เกิดขึ้นในปี 64 ซึ่งถือเป็นการรับประกันระดับหนึ่งว่า spread ในปี 65 โดยรวมไม่น่าจะอยู่ต่ำกว่า ปี 64 ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ยังได้ปรับสมมติฐานส่วนแบ่งกำไรจากโครงการ Ethane Cracker ในสหรัฐฯ ที่เริ่มกลับมาผลิต และโครงการ Oxiteno ที่เริ่มจะรับรู้กำไรเข้ามาครั้งแรกในช่วงไตรมาส 2/65 ให้อยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับที่ผู้บริหารนำเสนอ โดย กำหนดให้ส่วนแบ่งกำไรจากโครงการ Ethane Cracker จะอยู่ราว 40-50 ล้านเหรียญฯต่อปี หรือราว 1.2-1.5 พันล้านบาทต่อปี (จากเดิมในสมมติฐานประเมินเพียง breakeven) ส่วนของ Oxiteno คาดกำไรจะอยู่ราว 90 ล้านเหรียญฯ หรือราว 2.8-3.0 พันล้านบาทต่อปี (จากเดิมกำหนดให้เพียง 1.2 พันล้านบาท) ดังนั้นภายใต้ประมาณการใหม่คาดกำไรจากการดำเนินงานปกติปี 65 และ 66 จะอยู่ราว 3.0 และ 3.3 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 37.9% และ 10.2% เมื่อเทียบกับปีก่อน ตามลำดับ และส่งผลให้มูลค่าพื้นฐานปี 65 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 56 บาทต่อหุ้น
บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์ว่า คงมุมมองกำไรปกติไตรมาส 4/64 ราว 6,857 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 265% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 7% จากไตรมาสก่อนหน้า) โตสูงจากช่วงปีก่อน เพราะปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นตามความต้องการใช้ทั้ง PET+I0D และ อัตรากำไรที่ดีของส่วน PET และ IOD หนุน core EBITDA/ton เป็นราว 127 เหรียญฯ/ตัน (เพิ่มขึ้น 74% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 8% จากไตรมาสก่อนหน้า) ส่วนการโตจากไตรมาส 3/64 เพราะอัตรากำไรของ PET เพิ่มขึ้นเกิดจาก supply ในจีนลดลง
คาดกำไรปกติปี 64 โตสูง เพราะปริมาณขาย (PET+IOD) stock gain/ core EBITDA (PET) ที่เพิ่มขึ้น และโตต่อเนื่องในปี 65 แม้ไม่มี stock gain ก้อนใหญ่ (ราว 8,663 ล้านบาท) เหมือนปี 64 แต่โตเพราะทุกธุรกิจที่ดีขึ้น โดยธุรกิจ PET อัตรากำไรเพิ่มขึ้นจาก oversupply ที่ลดลง และปรับเพิ่ม margin (ในส่วนของการขายแบบ Contract), ธุรกิจ IOD ปิดซ่อมลดลง (ไม่มี Polar Vortex และ Cracker ออกจากปิดซ่อม) และมีแรงหนุนจาก Oxiteno และอัตรากำไรฟื้นจากผลกระทบโควิดที่ลดลงโดยเฉพาะในอินเดีย คาด core EBITDA เพิ่มมาที่ราว 129 เหรียญฯ/ตัน
คงคำแนะนำ ซื้อ ที่ราคาเป้าหมาย 57.50 บาท/หุ้น มองการปรับ margin การขายแบบสัญญาฯ ของปี 65 หนุนภาพ core EBITDA/ton อยู่ในขาฟื้นตัวยิ่งขึ้น ประกอบกับได้แรงหนุนของ Oxiteno ที่ core EBITDA/ton (159 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน) สูงกว่า port เดิมเข้ามา คงมุมมองช่วงครึ่งปีแรก IVL ปัจจัยบวกหนุนเด่นกว่ากลุ่มปิโตรเคมี จากอัตรากำไรฟื้นต่อเนื่อง และมีแรงหนุน M&A
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 ก.พ. 65)
Tags: IVL, ปรินทร์ นิกรกิตติโกศล, หุ้นไทย, อินโดรามา เวนเจอร์ส