นายนิวัติ อดิเรก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.บีซีพีจี (BCPG) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทฯ ในงวดปี 64 มีรายได้รวมอยู่ที่ 4,669 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.4% เมื่อเทียบปี 63 ที่มีรายได้รวมเท่ากับ 4,231 ล้านบาท ขณะที่มีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติอยู่ที่ 2,284 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.6% จากปี 63 ที่มีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติเท่ากับ 1,959 ล้านบาท
ขณะที่ผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2564 มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,232 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.4% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันปีก่อน ที่มีรายได้รวมเท่ากับ 1,137 ล้านบาท ขณะที่มีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติอยู่ที่ 583 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.7% จากงวดเดียวกันปีก่อนมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติเท่ากับ 536 ล้านบาท
“ภาพรวมของปี 64 บริษัทฯ ยังคงเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง และสามารถดำเนินงานตามแผนที่วางไว้ โดยในไตรมาส 4/64 โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ชิบะ ในประเทศญี่ปุ่น กำลังการผลิต 20 เมกะวัตต์ และโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กำลังการผลิต 7.7 เมกะวัตต์ ได้เปิดขายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ตามกำหนด และรับรู้รายได้ในไตรมาสที่ 4/64 รวมทั้งบริษัทฯ ยังรับรู้รายได้จากการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทยที่เพิ่มขึ้น จากการปรับปรุงประสิทธิภาพแผงโซลาร์”
นายนิวัติ กล่าว
พร้อมกันนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 15 ก.พ.65 ได้อนุมัติจ่ายเงินปันผลสำหรับงวดวันที่ 1 ก.ค. -31 ธ.ค.64 หรือครึ่งปีหลังในอัตราหุ้นละ 0.17 บาทต่อหุ้น ซึ่งเมื่อรวมเงินปันผลระหว่างกาลที่จ่ายไปแล้วจากผลการดำเนินงานงวดวันที่ 1 ม.ค.-30 มิ.ย.64 คิดเป็นเงินปันผลทั้งปี 0.33 บาทต่อหุ้น
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 ก.พ. 65)
Tags: BCPG, นิวัติ อดิเรก, บีซีพีจี, หุ้นพลังงาน, หุ้นไทย, โซลาร์รูฟ, โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์