หลังจาก บริษัท โททาล เอนเนอร์ยี่ส์ อีพี เมียนมา ประกาศถอนตัวจากการร่วมทุน 31.2% ในแหล่งก๊าซยาดานาของเมียนมา เป็นโอกาสของบมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) ที่จะสามารถเพิ่มสัดส่วนลงทุน โดยผู้บริหาร PTTEP ระบุว่าจะจัดการเรื่องแหล่งก๊าซยาดานาให้ชัดเจนในช่วงต้นหรือกลาง มี.ค.65 โบรกเกอร์มองหาก PTTEP ขยายสัดส่วนการถือหุ้นในแหล่งยาดานาได้ก็เท่ากับจะเพิ่มสัดส่วนกำไรให้กับบริษัท จึงเป็นบวกต่อ PTTEP เพิ่มอัพไซด์ต่อราคาหุ้น แต่ยังกังวลในแง่ความเสี่ยงจากปัญหาทางการเมืองในเมียนมา
นายเบญจพล สุทธิ์วนิช ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเชีย เวลท์ กล่าวว่า จากรณีที่มีการรายงานข่าวว่า PTTEP มีแผนจะเข้าเทคโอเวอร์แหล่งก๊าซยาดานา หลัง โททาล หนึ่งในผู้ร่วมทุนในสัดส่วน 31.2375% ขอถอนตัวจากโครงการดังกล่าว และในบริษัท Moattama Gas Transportation Company (MGTC) ซึ่งดำเนินธุรกิจท่อส่งก๊าซจากโครงการในเมียนมา เมื่อวันที่ 21 ม.ค.65 ซึ่งรายงานข่าวระบุว่า PTTEP เสนอซื้อหุ้นรวมกัน 59.5% ทั้งที่ Total ถืออยู่ และบริษัท ยูโนแคลเมียนมาร์ ออฟชอร์ (UMIL) หรือเชฟรอน ถือครองอยู่อีก 28.2625%
บล.เอเชีย เวลท์ มองว่า PTTEP คงไม่ได้นำเงินเข้าไปซื้อหุ้นทั้งหมดของโททาลโดยตรง แต่คาดว่าจะมีการนำหุ้นมาแบ่งให้กับผู้ร่วมทุนที่เหลืออยู่ภายหลังจาก Total ถอนตัว ขณะที่ล่าสุด ทางเชฟรอน ก็ยังไม่ได้แสดงท่าทีออกมาว่าจะถอนตัวตามไปด้วย ทำให้ขณะนี้ผู้ร่วมทุนในโครงการยาดานา ประเทศเมียนมา จะมีเชฟรอน, PTTEP และ Myanma Oil and Gas Enterprise (MOGE) ที่ถือหุ้นอยู่ 15%
ทั้งนี้ หุ้นของโททาล จำนวน 31.2375% จะถูกแบ่งให้กับผู้ร่วมทุนทั้ง 3 รายดังกล่าว ซึ่งปัจจุบันยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณา แต่คาดว่าจะเป็นบวกต่อ PTTEP ทำให้มีสัดส่วนการถือหุ้นเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันถืออยู่ 25.5% เป็นราว 37% ทำให้มีกำไรเพิ่มอีก 1,000 ล้านบาทต่อปี จากเดิมที่มีกำไรอยู่ที่ 2,000-3,000 ล้านบาทต่อปี ขณะเดียวกันหากเชฟรอนขอถอนตัวอีกราย ก็จะทำให้ PTTEP ถือหุ้นเพิ่มเป็น 63% และมีกำไรเพิ่มอีก 3,000 ล้านบาทต่อปี
ในแง่ของราคาเหมาะสม คาดจะเป็นอัพไซด์ต่อราคาหุ้น PTTEP ราว 3 บาท และ 5 บาท (กรณีเชฟรอนถอนตัว) ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม ประเด็นดังกล่าวถูกพูดถึงมาระยะหนึ่งแล้ว ทำให้สะท้อนราคาไปพอสมควร โดยเราให้ราคาเป้าหมาย PTTEP ไว้ที่ 140 บาท และจากราคาปัจจุบันอัพไซด์ก็เริ่มจำกัด จึงแนะนำนักลงทุนระมัดระวังการลงทุน
ด้านนายปรินทร์ นิกรกิตติโกศล นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ปัจจุบันทางเชฟรอน ยังไม่ได้แจ้งถอนตัวจากโครงการยาดานา ซึ่งขณะนี้มีเพียงโททาลเท่านั้น หากเชฟรอนถอนตัวอีกราย เรามองจะเป็นทั้งปัจจัยบวกและลบ โดยในเชิงบวกก็น่าจะส่งผลให้ PTTEP ถือหุ้นในโครงการยาดานามากขึ้น และขึ้นมาเป็นผู้ดำเนินการ (Operator) หลัก อีกทั้งจะรับรู้ผลประกอบการที่มากขึ้นด้วย แต่ก็มีความเสี่ยงในเรื่องทางการเมืองของประเทศเมียนมา ซึ่งเป็นเหตุผลหลักที่โททาลขอถอนตัวออกไป
โบรกเกอร์ | คำแนะนำ | ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) |
---|---|---|
ดีบีเอสวิคเคอร์ส | ซื้อ | 160.00 |
ไทยพาณิชย์ | ซื้อ | 159.00 |
ธนชาต | Outperform | 152.00 |
เคทีบีเอสที | ซื้อ | 150.00 |
ยูโอบีเคย์เฮียน | ซื้อ | 145.00 |
โนมูระ พัฒนสิน | ซื้อ | 143.00 |
เอเชียเวลท์ | ซื้อ | 140.00 |
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 ก.พ. 65)
Tags: PTTEP, ก๊าซธรรมชาติ, ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม, ปรินทร์ นิกรกิตติโกศล, หุ้นไทย, เบญจพล สุทธิ์วนิช, โททาล เอนเนอร์ยี่ส์ อีพี เมียนมา