นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะทำงานจัดทำแผนการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจผลไม้ล่วงหน้าทั้งระบบ ได้รับมอบหมายจาก นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ เข้าประชุมกับคณะกรรมธิการแก้ไขปัญหาราคาผลิตผลเกษตรกรรม เมื่อวันที่ 3 ก.พ. ที่ผ่านมา โดยได้ชี้แจงมาตรการบริหารจัดการผลไม้ปี 65 ว่า ประกอบด้วย 17 มาตรการ เพื่อดูแลบริหารจัดการผลไม้ทั้งระบบ เป็นมาตรการหลักในการขับเคลื่อน อาทิ
1. มาตรการเร่งรัดตรวจและรับรอง GAP ซึ่งมีเป้าหมายในปี 65 ไม่ต่ำกว่า 120,000 แปลง
2. มาตรการช่วยผู้ประกอบการหรือเกษตรกรหรือล้ง กระจายผลผลิตผลไม้ออกนอกแหล่งผลิต กิโลกรัมละ 3 บาท ปริมาณ 80,000 ตัน
3. มาตรการเสริมสภาพคล่องให้ผู้ส่งออกโดยจะช่วยเหลือดอกเบี้ย 3% และช่วยผู้ส่งออกที่ส่งออกผลไม้อีกกิโลกรัมละ 5 บาท ปริมาณ 60,000 ตัน
4. กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สนับสนุนให้มีการใช้พระราชบัญญัติเกษตรพันธสัญญา การทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้าด้านผลไม้ โดยจะสนับสนุนให้มีการทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้า เพื่อเกษตรกรได้ทราบว่าขายผลไม้ได้เท่าไหร่ มีคนซื้อที่มีหลักประกัน เซ็นสัญญาตามกฎหมายชัดเจนไม่ต่ำกว่า 30,000 ตัน
5. มาตรการส่งเสริมการบริโภคผลไม้ในประเทศ
ส่วนในกรณีเกิดวิกฤติได้มีการออก 5 มาตรการแก้ไขปัญหาล่วงหน้าทั้งระบบ ปี 65 ได้แก่ 1. มาตรการป้องกันเพื่อเตรียมความพร้อมรองรับเหตุการณ์ไม่ปกติ 2. มาตรการช่วยเหลือในการกระจายสินค้า ควบคุม คุณภาพและกระตุ้นการบริโภคผลไม้ 3. มาตรการช่วยเหลือสนับสนุนการส่งออกผลไม้ไทย 4. มาตรการแปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่มผลไม้ และ 5. มาตรการช่วยเหลือเยียวยาและฟื้นฟูเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ไม่ปกติ
นอกจากนี้ นายอลงกรณ์ ได้ชี้แจงประเด็นเรื่อง GAP ว่า กรมวิชาการมีการถ่ายโอนภารกิจมอบให้เอกชนรับรองแปลงสวน GAP ตาม มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อปี 53 ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 64 เป็นต้นมา นำร่องแปลงที่มีพื้นที่มากกว่า 50 ไร่ ปีที่สองจะถ่ายโอนตั้งแต่พื้นที่ 20 ไร่ ขึ้นไป ปีที่สามจะถ่ายโอนพื้นที่ตั้งแต่ 10 ไร่ ขึ้นไป และในปีสุดท้ายจะถ่ายโอนภารกิจทั้งหมด
ทั้งนี้ กรมวิชาการเกษตรจะตรวจรับรองให้เฉพาะสมาชิกของกลุ่มเกษตรกร สหกรณ์การเกษตร เกษตรแปลงใหญ่ และกลุ่มวิสาหกิจ ชุมชน ซึ่งเป็นกลุ่มที่ทางราชการจัดตั้งขึ้นมาเท่านั้น โดยมีหน่วยตรวจรับรองเอกชน ที่ได้รับการถ่ายโอนภารกิจตรวจรับรองมาตรฐาน GAP แทนราชการ โดยกรมวิชาการจะดูแลอัตราค่าบริการที่เหมาะสมเป็นธรรม
“ขอบคุณคณะกรรมาธิการฯ ที่ห่วงใยชาวสวนและมีข้อเสนอที่ดี โดยคณะกรรมการบริหารจัดการผลไม้ซึ่งมีรมว.เกษตรและสหกรณ์เป็นประธาน จะมีการประชุมครั้งต่อไปวันที่ 17 ก.พ. และจะนำข้อเสนอจากคณะกรรมาธิการเข้าสู่วาระการประชุมเพื่อพิจารณาปัญหาความเดือนร้อนของชาวสวนลำไย ฤดูกาลผลิตปี 64 และแนวทางช่วยเหลือ เช่น มาตรการเยียวยา ทั้งนี้ขึ้นกับคณะรัฐมนตรี (ครม.) รวมทั้งข้อเสนอของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาคมต่างๆ เช่น เรื่อง Green lane เรื่องด่าน เรื่องการผ่อนผันผ่อนปรน GAP เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของเกษตรกรโดยเฉพาะชาวสวนรายย่อย”
นายอลงกรณ์ กล่าว
โดยนายณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ ประธานคณะกรรมาธิการฯ แสดงความพอใจต่อการชี้แจงครั้งนี้และการทำงานของฟรุ้ทบอร์ด โดยจะทำหนังสือเป็นข้อเสนอถึงรัฐมนตรีเกษตรฯ ในฐานะประธาน Fruit Board ต่อไป
นอกจากนี้ นายอลงกรณ์ ยังได้ชี้แจงถึงศักยภาพผลไม้ไทยและผลงานรัฐบาลว่า ในปี 64 ประเทศไทยครองส่วนแบ่งตลาดผลไม้ในจีน 45% เป็นอันดับ 1 และส่งออกสูงสุดเป็นประวัติการณ์กว่า 1.6 แสนล้านบาท (ม.ค-พ.ย 64) โดยเฉพาะทุเรียนส่งออกทะลุแสนล้านเป็นครั้งแรก แม้จะเผชิญปัญหาด่านและการขนส่งจากผลกระทบโควิด-19 โดยยึดแนวทางและมาตรการการบริหารจัดการผลไม้ รวมทั้งการปฏิรูปเชิงระบบภายใต้ 5 ยุทธศาสตร์ของรัฐมนตรีเกษตรฯ และแนวทางการพัฒนาผลไม้ไทย พ.ศ. 2565-2570
นายอลงกรณ์ ยังได้นำเสนอตัวเลขการส่งออกปี 64 ซึ่งสามารถส่งออกทำสถิติสูงสุดทุเรียนทะลุแสนล้าน ทั้งนี้ 11 เดือน (ตั้งแต่ ม.ค.-พ.ย. 64) ส่งออกผลไม้ 7 ชนิด ได้แก่ ทุเรียน มังคุด เงาะ ลองกอง ลำไย ลิ้นจี่ และมะม่วง จำนวน 1,992,751 ตัน คิดเป็นมูลค่า 165,624 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40.75% เทียบกับปี 63 ที่ส่งออก 1,718,228 ตันมูลค่า 117,673 ล้านบาท สำหรับทุเรียนส่งออก 903,700 ตัน ปริมาณเพิ่มขึ้น 38.29% คิดเป็นมูลค่า 115,459 ล้านบาท เติบโต 59.11% เทียบกับปี 63 ส่งออก 653,476 ตัน มูลค่า 72,566 ล้านบาท ทางด้านฤดูกาลผลิตปี 65 คาดว่าจะมีผลผลิตออกมา 5,200,009 ตัน เพิ่ม 11.39% หรือเพิ่มกว่า 5 แสนตัน เทียบกับปี 63 ที่มีปริมาณ 4,668,435 ตัน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (04 ก.พ. 65)
Tags: กระทรวงเกษตรและสหกรณ์, ชาวสวนลำไย, อลงกรณ์ พลบุตร