นายแพทย์สกอตต์ ก็อตต์ลีบ อดีตประธานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) ออกมาให้ความเห็นว่า ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐควรปรับเกณฑ์การยกเลิกมาตรการบังคับสวมหน้ากากโดยเฉพาะสำหรับในโรงเรียน จากเดิมที่กำหนดให้ต้องมีผู้ติดเชื้อต่ำกว่า 10 คนต่อประชากร 100,000 คนในพื้นที่ สู่ระดับ 20 คนต่อประชากร 100,000 คน
นายแพทย์ก็อตต์ลีบมองว่า สหรัฐไม่ควรรอจนยอดผู้ติดเชื้อลดต่ำกว่าเกณฑ์ของ CDC เพื่อยกเลิกการบังคับสวมหน้ากากสำหรับนักเรียน ครูผู้สอน รวมถึงเจ้าหน้าที่และผู้เกี่ยวข้องกับโรงเรียน โดยระบุว่า “หากยังรอต่อไป เราก็อาจต้องรอไปจนถึงช่วงฤดูร้อน ซึ่งจะทำให้เสียโอกาสช่วงฤดูใบไม้ผลินี้ที่จะทำให้บรรยากาศการเรียนการสอนกลับมาเป็นปกติ”
“ขณะนี้เราเผชิญกับสายพันธุ์ที่แพร่กระจายได้ง่ายและคาดว่าจะยังคงระบาดต่อไปอีกระยะหนึ่ง และในขณะเดียวกัน ประชากรในประเทศก็ได้รับวัคซีนมากขึ้นแล้ว” นายแพทย์ก็อตต์ลีบให้สัมภาษณ์ในรายการ Squawk Box ของสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นบีซี
“เราควรยอมรับตัวเลขยอดผู้ติดเชื้อที่สูงขึ้นได้ และผ่อนผันมาตรการสกัดการแพร่ระบาดด้านต่าง ๆ”
นายแพทย์ก็อตต์ลีบกล่าว
อนึ่ง ปัจจุบันนายแพทย์ก็อตต์ลีบเป็นหนึ่งในสมาชิกของคณะกรรมการบริการบริษัทไฟเซอร์ ซึ่งได้ยื่นขอให้มีการอนุมัติใช้วัคซีนโควิด-19 ของบริษัทเป็นกรณีฉุกเฉินในกลุ่มเด็กอายุ 6 เดือนถึง 5 ปี เมื่อช่วงต้นสัปดาห์นี้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (03 ก.พ. 65)
Tags: มาตรการควบคุมโรค, สกอตต์ ก็อตต์ลีบ, สวมหน้ากาก, สหรัฐ, หน้ากากอนามัย