พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ (31 ม.ค.) ทางสำนักงานประมงจังหวัดระยองได้มอบหมายให้ นายกุณสมบัติ ศิริสมบัติ หัวหน้ากลุ่มบริหารจัดการด้านการประมง(เจ้าพนักงานประมงอาวุโส) มาร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีผู้กระทำผิดในความผิดตาม พ.ร.ก.การประมง พ.ศ.2558 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 58 มาตรา 59 มีบทกำหนดโทษตามมาตรา 140 ระวางโทษปรับสามแสนบาทถึงห้าแสนบาท กรณีน้ำมันรั่วไหลจากทุ่นผูกเรือน้ำลึกหรือจุดขนถ่ายน้ำมันในทะเล ตำบลมาบตาพุด อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง เมื่อวันที่ 25 ม.ค.65 เวลาประมาณ 21.00 น. โดยพนักงานสอบสวน สภ.มาบตาพุด ได้รับคำร้องทุกข์ไว้เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2565 ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาระยอง ได้มอบหมายให้ น.ส.อรพิน ท่วงที เข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.มาบตาพุด เพื่อดำเนินคดีกับกรรมการผู้จัดการ บมจ.สตาร์ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง (SPRC) จนคดีถึงที่สุด ในฐานความผิดกระทำด้วยประการใดๆ ให้น้ำมันและเคมีภัณฑ์หรือสิ่งใดๆ ลงในแม่น้ำ ลำคลอง บึง อ่างเก็บน้ำ หรือทะเลสาบ อันเป็นทางสัญจรของประชาชนหรือที่ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน หรือทะเลภายในน่านน้ำไทยอันอาจจะเป็นเหตุให้เกิดพิษต่อสิ่งมีชีวิตหรือต่อสิ่งแวดล้อมหรือเป็นอันตรายต่อการเดินเรือในแม่น้ำ ลำคลอง บึง อ่างเก็บน้ำ หรือทะเลสาบดังกล่าว อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.การเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ.2456 แก้ไขเพิ่มเติม(ฉบับที่ 14) มาตรา 119 ทวิ ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ในวันเดียวกัน พนักงานสอบสวนได้ประสานงานศูนย์พิสูจน์หลักฐานระยอง สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาระยอง สำนักงานศุลกากรมาบตาพุด สำนักงานควบคุมมลพิษจังหวัดระยอง สำนักงานอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 1 (จังหวัดระยอง) และหน่วยที่เกี่ยวข้องร่วมกันตรวจสอบ สืบสวนสอบสวนหาสาเหตุของการรั่วไหล ตลอดจนข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานในการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด และพนักงานสอบสวนได้มีหมายเรียกไปยัง บมจ.สตาร์ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง หรือผู้แทน ให้มาพบเพื่อทำการสอบสวนหาสาเหตุการรั่วไหลของน้ำมันดิบและให้ส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องที่จะเป็นประโยชน์ต่อการสืบสวนสอบสวน
ต่อมาในวันที่ 30 ม.ค.65 คณะพนักงานสอบสวนได้ดำเนินการสอบสวนปากคำประชาชนที่ได้รับผลกระทบกรณีคราบน้ำมันรั่วไหล ในพื้น อ.เมือง จว.ระยอง จำนวน 15 ราย และสอบสวนปากคำประชาชนที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่ อ.เพ จว.ระยอง จำนวน 4 ราย เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวว่า คดีนี้เป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจ เพราะเป็นการกระทำความผิดที่ส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ และยังเป็นการสร้างปัญหามลพิษทางทะเลให้แก่ระบบนิเวศมากขึ้น ซึ่งมีผลกระทบในระยะยาว ซึ่งไม่ง่ายที่จะขจัดคราบน้ำมันให้หมดไปในคราวเดียว ซึ่งการรวบรวมพยานหลักฐานต้องกระทำอย่างรอบคอบและอาศัยความร่วมมือจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และจะได้รายงานความคืบหน้าให้ประชาชนทราบต่อไป
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 ก.พ. 65)
Tags: SPRC, กรมประมง, กฤษณะ พัฒนเจริญ, ทะเล, น้ำมันรั่วไหล, ระยอง