นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนหลังเสร็จสิ้นการประชุมนโยบายการเงินในช่วงเช้าวันนี้ตามเวลาไทยว่า “ยังคงมีความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยโดยไม่ให้ส่งผลกระทบต่อตลาดแรงงาน และเฟดไม่ปฏิเสธความเป็นไปได้ที่ว่า อาจจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 0.25% เมื่อพิจารณาจากการพุ่งขึ้นของตัวเลขเงินเฟ้อ”
นายพาวเวลยังกล่าวด้วยว่า ดัชนีต่าง ๆ ที่เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อมีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นอีก ซึ่งบ่งชี้ว่าอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐมีความเสี่ยงที่จะยังคงอยู่ในภาวะขาขึ้น
“ขณะที่แรงผลักดันด้านเงินเฟ้อยังคงปรับตัวสูงขึ้นอันเนื่องมาจากผลกระทบของโรคโควิด-19 ระบาด ราคาสินค้าและค่าบริการได้พุ่งขึ้นเป็นวงกว้าง ด้วยเหตุนี้เราจึงจะใช้เครื่องมือต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจและตลาดแรงงานให้แข็งแกร่ง ในขณะเดียวกันก็ป้องกันไม่ให้เงินเฟ้อสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจ และเรายังคงจับตาอย่างระมัดระวังเพื่อดูว่า เศรษฐกิจมีพัฒนาการที่สอดคล้องกับที่เราคาดการณ์หรือไม่”
นายพาวเวล กล่าว
“นับตั้งแต่การประชุมในเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว ผมพูดไว้ว่าสถานการณ์เงินเฟ้อยังคงเหมือนเดิม แต่อาจจะรุนแรงขึ้นเล็กน้อย ผมคิดว่าการควบคุมไม่ให้สถานการณ์เงินเฟ้อรุนแรงขึ้นนั้น นโยบายการเงินของเราจะต้องมีประสิทธิภาพในการแก้ไขเรื่องนี้ หากสถานการณ์ย่ำแย่ลงอีก” นายพาวเวลกล่าว ซึ่งถือเป็นการส่งสัญญาณว่าเฟดอาจจะปรับขึ้นดอกเบี้ยหลายครั้งในปีนี้
ในการประชุมครั้งนี้ เฟดระบุว่า จะยังคงปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) จำนวน 3 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนก.พ. ซึ่งจะส่งผลให้การทำ QE ของเฟดสิ้นสุดลงในเดือนมี.ค. พร้อมกับการเริ่มต้นปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนดังกล่าวเช่นกัน
อย่างไรก็ดี เฟดไม่ได้ระบุว่าจะเริ่มปรับลดขนาดงบดุลเมื่อใด จากปัจจุบันที่งบดุลพุ่งสูงเกือบ 9 ล้านล้านดอลลาร์ โดยนายพาวเวลกล่าวถึงเรื่องนี้ว่า “คณะกรรมการเฟดยังไม่ได้ตัดสินใจเกี่ยวกับช่วงเวลา, ขนาด หรือรายละเอียดอื่น ๆ ที่เจาะจงในการปรับลดงบดุล โดยเราจะมีการอภิปรายในประเด็นเหล่านี้ในการประชุมครั้งต่อ ๆ ไป และจะมีการเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมในช่วงเวลาที่เหมาะสม”
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 ม.ค. 65)
Tags: Fed, ธนาคารกลางสหรัฐ, อัตราดอกเบี้ย, เงินเฟ้อ, เจอโรม พาวเวล, เฟด, เศรษฐกิจสหรัฐ