ข่าว

ปักกิ่งสั่งผู้ซื้อยาลดไข้ตรวจหาเชื้อโควิด หวังสกัดการระบาดก่อนโอลิมปิกเปิดฉาก

24
ม.ค.

ข่าวต่างประเทศ

กรุงปักกิ่งสั่งการให้บุคคลใดก็ตามที่มีประวัติซื้อยาลดไข้เข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ขณะที่ทางการพยายามเร่งปูพรมตรวจหาผู้ติดเชื้อนอกระบบ โดยไม่บังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์กรุงปักกิ่ง ซึ่งเป็นเมืองที่สำคัญที่สุดของจีนและเตรียมเป็นเจ้าภาพการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวในสัปดาห์หน้า

ทั้งนี้ ชาวปักกิ่งที่ซื้อยาลดไข้ ยาต้านไวรัสและยาแก้ไอและเจ็บคอ จะได้รับข้อความแจ้งเตือนบนแอปโทรศัพท์มือถือที่จีนใช้ติดตามผู้ที่เสี่ยงติดเชื้อและตรวจสอบเพื่ออนุญาตให้ผู้ใช้งานเดินทางไปยังพื้นที่สาธารณะ โดยคณะกรรมการสุขภาพเทศบาลกรุงปักกิ่งระบุเมื่อวันอาทิตย์ (23 ม.ค.) ว่า ผู้ซื้อยาเหล่านี้จะต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ภายในเวลา 72 ชั่วโมง มิฉะนั้นจะถูกจำกัดการเดินทาง

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ทางการกรุงปักกิ่งได้บังคับใช้มาตรการที่มีความเข้มงวดมากยิ่งขึ้น เพื่อควบคุมจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัส 2 สายพันธุ์ในกรุงปักกิ่งก่อนการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวเปิดฉาก และเพื่อไม่ให้ไวรัสแพร่กระจายไปยังอีก 3 มณฑล แม้จีนล็อกดาวน์เมืองขนาดเล็ก เช่น ซีอาน เพราะยอดผู้ติดเชื้อพุ่งขึ้น แต่ไม่น่าจะเกิดกรณีดังกล่าวในกรุงปักกิ่ง ซึ่งเป็นแหล่งรวมของกลุ่มบุคคลสำคัญทางการเมืองและวัฒนธรรม และขณะนี้บรรดาผู้ทรงเกียรติระหว่างประเทศและเหล่านักกีฬาได้มารวมตัวกันเพื่อเข้าร่วมงานโอลิมปิตก

ขณะนี้ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดว่าเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนแพร่ระบาดเข้าสู่กรุงปักกิ่งที่บังคับใช้มาตรการ Covid-Zero อย่างเข้มงวดได้อย่างไร ขณะที่การคาดการณ์เบื้องต้นระบุว่า การติดเชื้ออาจเริ่มต้นมาจากพัสดุระหว่างประเทศที่มีการปนเปื้อน ขณะที่คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน (NHC) กล่าวในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะบ่งชี้ว่าเกิดการแพร่ระบาดผ่านอาหารสด

ทางด้านสำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า รัฐบาลกรุงปักกิ่งได้ออกมาตรการใหม่เมื่อวานนี้ (23 ม.ค.) เพื่อควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19 รอบล่าสุด ขณะที่ยังคงพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ในเมืองก่อนการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว โดยตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิด 9 รายเมื่อวานนี้ โดยในจำนวนนี้มาจากเขตเฟิงไถ 6 ราย ซึ่งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขประจำเขตกล่าวว่า เฟิงไถจะจัดระบบตรวจหาเชื้อโควิดแบบ nucleic acid test ให้กับทุกคนที่อยู่ในเขต

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 ม.ค. 65)

Tags: , , , , , , ,