IPOInsight: PEACE ตามรอย 3 ทศวรรษสู่หุ้นอสังหาฯแนวราบเมืองไทย

เปิดแผนงานหุ้นน้องใหม่ IPO อย่าง บมจ.พีซ แอนด์ ลีฟวิ่ง (PEACE) ผู้ประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยแนวราบชั้นนำของประเทศไทยที่มีประสบการณ์เกือบ 30 ปี เตรียมระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ภายในไตรมาสแรกของปี 65 โดยมี บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน (FA) ด้วยการนำเสนอขายหุ้น IPO ไม่เกิน 84 ล้านหุ้น คิดเป็น 20% ของทุนจดทะเบียนหลัง IPO

ตามรอย 3 ทศวรรษผู้พัฒนาอสังหาฯแนวราบชั้นนำ

นายประสพศักดิ์ ศิริโสภณา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PEACE เปิดเผยกับ “อินโฟเควสท์” ว่า จากประสบการณ์เกือบ 30 ปีกลยุทธ์ที่ทำให้ประสบความสำเร็จในอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ คือ การนำข้อมูลความต้องการของตลาดมาเป็นโจทย์ใช้พัฒนาที่อยู่อาศัยเป็นสำคัญ ด้วยการทำงานวิจัยฯหาช่องว่างของตลาดสามารถสร้างศักยภาพการแข่งขันได้เป็นอย่างดี เพราะตลาดอสังหาฯ ในประเทศไทยมีมูลค่าหลายแสนล้านบาท ดังนั้น การเปิดโครงการในทำเลที่มีซัพพลายและดีมานด์มีความสมดุล เป็นส่วนผลักดันการเติบโตผลประกอบการและรักษาศักยภาพทำกำไรได้ดีต่อเนื่องมาอย่างยาวนาน

จุดเริ่มต้นมาจากการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แนวราบโครงการประเภทรีสอร์ทในจังหวัดกาญจนบุรี และประสบความสำเร็จมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้นับจากอดีตถึงปัจจุบันมีการพัฒนาโครงการมาแล้วรวมทั้งสิ้น 25 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 1.65 หมื่นล้านบาท ภายใต้เป้าหมายปิดการขายโครงการภายใน 2–3 ปีสำหรับโครงการที่มีจำนวนยูนิตไม่เกิน 200 ยูนิต และภายใน 3-5 ปีสำหรับโครงการที่มีมากกว่า 200 ยูนิต

ทั้งนี้ ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 64 บริษัทมีโครงการที่อยู่ระหว่างการขายและรอโอนรวม 7 โครงการ มูลค่ารวม 4.71 พันล้านบาท และมียอดขายรอโอน (Backlog) ราว 600 ล้านบาท ส่วนในปี 65 บริษัทมีแผนโครงการใหม่อีก 3 โครงการ มูลค่ารวม 3.04 พันล้านบาท

แบรนด์ครอบคลุมลูกค้าทุกเซกเมนต์

นายประสพศักดิ์ กล่าวว่า บริษัทเน้นการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยแนวราบ ได้แก่ บ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมแบบ 2 ชั้น และ 3 ชั้น ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ภายใต้แบรนด์ “The Glamor” “Cordiz” และ “Cher” และแบรนด์ใหม่ล่าสุด คือ “Cherene” และ “CHEREA VICINITY” แต่ละโครงการเน้นการออกแบบสไตล์โมเดิร์น บรรยากาศร่มรื่น สงบ มีความเป็นส่วนตัว การเดินทางสะดวกสบาย สิ่งอำนวยความสะดวกครบ บนทำเลที่ดีตอบโจทย์การใช้ชีวิต ตอบสนองความต้องการผู้บริโภคยุคใหม่

“บริษัทให้ความสำคัญในการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์เป็นอย่างมาก โดยฝ่ายการตลาดและการขายจะทำการศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลภาวะอุตสาหกรรมและวิจัยตลาดอย่างสม่ำเสมอ (Market Research) เพื่อให้ทราบถึงการเปลี่ยนแปลงของภาวะอุตสาหกรรม สภาวะตลาด การแข่งขันในปัจจุบันและแนวโน้มในอนาคต เพื่อเข้าถึงข้อมูลกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ความต้องการของผู้บริโภคและความเป็นไปได้ของโครงการ”นายประสพศักดิ์ กล่าว

นายประสพศักดิ์ กล่าว

ระดมทุนซื้อที่ดิน-ต่อยอดคอนโดฯ

แผนการระดมทุนเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯครั้งนี้ บริษัทจะนำเงินไปซื้อที่ดินที่มีศักยภาพและต่อยอดพัฒนาโครงการต่าง ๆ โดยเฉพาะการกระจายพอร์ตที่อยู่อาศัยกลุ่มคอนโดมิเนียม เพื่อเป็นกระจายพอร์ตที่อยู่อาศัยให้หลากหลายเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่กว้างมากขึ้น

“ปี65 เชื่อว่าภาพรวมตลาดอสังหาฯแนวราบจะได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง เพราะผู้บริโภคเปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิตรูปแบบใหม่หลังจากเกิดการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ส่งผลให้ความต้องการของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน มักมองหาบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม ที่มาพร้อมกับฟังก์ชันในด้านต่างๆที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยจริง

ประกอบกับมีปัจจัยบวกจากนโยบายการเปิดประเทศของรัฐบาลทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจขยายตัว เอกชนเดินเครื่องธุรกิจเกิดการจ้างงาน ส่งผลให้รายได้ครัวเรือนดีขึ้น มีความมั่นคงในอาชีพ และการผ่อนคลายมาตรการ LTV เป็นการปลดล็อกตลาดอสังหาริมทรัพย์ให้กลับมาคึกคักขึ้น เนื่องจากลูกค้าสามารถกู้ซื้อบ้านได้เต็มมูลค่า ส่งผลให้ประชาชนที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัย สามารถกู้ซื้อที่อยู่อาศัยได้เพิ่มขึ้น”นายประสพศักดิ์ กล่าว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 ม.ค. 65)

Tags: , , , , ,