โบรกเกอร์ฯต่างแนะนำ “ซื้อ” หุ้นบมจ. เมืองไทย แคปปิตอล (MTC) จากการฟื้นตัวของสินเชื่อที่คาดว่าจะเติบโตขึ้นอย่างโดดเด่นในปี 65 หลังบริษัทกลับมารุกขยายสินเชื่อประเภทใหม่มากขึ้น ทำให้ฐานลูกค้ากว้างขึ้น เป็นปัจจัยหนุนการเติบโตของสินเชื่อ
ขณะที่ปัจจัยกดดันจากการลดอัตราดอกเบี้ยและมาตรการช่วยเหลือลูกค้าจะผ่อนคลายลงในปีนี้ หลังจากสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ไม่ได้ทำให้ภาครัฐต้องใช้มาตรการล็อกดาวน์ ทำให้บริษัทปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ และลูกค้ากลับมาชำระคืนหนี้ในอัตราดอกเบี้ยปกติ หนุนการเติบโตของกำไร
และราคาหุ้น MTC ยังค่อนข้าง Laggard และ P/E ต่ำกว่ากลุ่ม ทำให้ยังมีความน่าสนใจ
ราคา MTC ปิดเที่ยงที่ 59.50 บาท ลดลง 0.75 บาท (-1.24%) ขณะที่ ดัชนี SET บวก 0.16%
โบรกเกอร์ | คำแนะนำ | ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) |
---|---|---|
แลนด์ แอนด์ เฮาส์ | ซื้อ | 76.00 |
เอเอสแอล | ซื้อ | 75.00 |
กสิกรไทย | ซื้อ | 71.00 |
เอสบีไอ | ซื้อ | 71.00 |
ฟิลลิป | ซื้อ | 70.50 |
หยวนต้า | ทยอยสะสม | 67.50 |
นายอดิสรณ์ มุ่งพาลชล ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ทิศทางการเติบโตในภาพรวมของ MTC ยังคงเติบโตได้ต่อในปี 65 ทั้งส่วนของการเติบโตของสินเชื่อที่แนวโน้มความต้องการกลับมาเติบโตได้ดี และไม่มีมาตรการล็อกดาวน์ ทำให้บริษัทสามารถรุกตลาดและขยายสาขาได้มากขึ้น
ประกอบกับการเปิดบริการเมืองไทย เพย์ เลเทอร์ ทำให้ขยายฐานลูกค้าและกลุ่มสินเชื่อให้มีความหลากหลาย ทำให้เป็นปัจบัยผลักดันสินเชื่อเติบโตขึ้น
ขณะที่ผลตอบแทนของบริษัทในปีนี้จะเริ่มเห็นการกลับมาฟื้นขึ้น จากการที่มาตรการช่วยเหลือลูกค้าสิ้นสุดลงไป และมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทำให้เป็นปัจจัยหนุนให้ต่อการเติบโตของกำไรไม่ต่ำกว่า 20% และเป้าหมายในระยะกลางของบริษัทที่มุ่งไปสู่การสร้างพอร์ตสินเชื่งแตะ 2 หมื่นล้านบาท เป็นปัจจัยหนุนต่อการเติบโตของบริษัทได้อย่างต่อเนื่อง
นายกรกช เสวตร์ครุตมัต ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ปี 65 ถือเป็นปีที่กลุ่มธุรกิจลีสซิ่งถือเป็นกลุ่มที่มีความโดดเด่น จากการฟื้นตัวขึ้นของเศรษฐกิจ จากกิจกรรมเศรศฐกิจที่สามารถทำได้ตามปกติ ไม่มีการล็อกดาวน์ และทำให้ธุรกิจในกลุ่มลีสซิ่งกลับมารุกตลาดได้มากขึ้น
ทั้งนี้ มองว่าผู้เล่นรายใหญ่จะกลับมารุกตลาดมากขึ้น โดยเฉพาะ MTC คาดว่าจะเห็นการเติบโตของสินเชื่อกลับมาโดดเด่น จากการเดินหน้าขยายสินเชื่อ ซึ่งบริษัทได้ตั้งเป้าพอร์ตส์นเชื่อรวมแตะ 1 แสนล้านในปี 65 เพิ่มขึ้นจากปีก่อนอยู่ที่ 9 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนต่อภาพรวมขออผลการดำเนินงานในปีนี้
นอกจากนี้ เรื่องของอัตราดอกเบี้ยกู้ในปีนี้จะมีแรงกดดันจากการลดดอกเบี้ยเพื่อแข่งขันกันน้อยลง หลังจากลูกค้าเริ่มมีรายได้มากขึ้นทำให้กลับมาชำระหนี้ได้ดีขึ้น และมาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากโควิดสิ้นสุดลง ส่งผลให้รายได้จากดอกเบี้ยจะเห็นการฟื้นตัวมากขึ้น แสะท้อนไปที่กำไรในปีนี้ที่จะเติบโตได้โดดเด่นกว่า 20% อีกทั้ง MTC ยังมีความน่าสนใจในส่วนของระดับ P/E ที่ลดลงมาต่ำกว่า 20 เท่า หลังกำไรมีทิศทางเติบโตต่อเนื่อง ทำให้มีความน่าสนใจ
นักวิเคราะห์จาก บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า MTC ยังมีความน่าสนใจจากราคาหุ้นที่ย่งค่อนข้าง Laggard และยังมีอัพไซด์ และถือว่ายังมี P/E ในระดับที่ค่อนของต่ำกว่าหุ้นในกลุ่ม ประกอบกับการฟื้นตัวของธุรกิจที่จะชัดเจนมากขึ้นในปีนี้หลังการแพร่ระบาดโควิด-19 ไม่ส่งผลกระทบ ทำให้ไม่มีการล็อกดาวน์เกิดขึ้นเหมือนปีที่ผ่านมา ซึ่งคาดว่าจะเห็นการกลับมารุกตลาดมากขึ้น และหนุนต่อการเติบโตของสินเชื่อในปี 65 ที่โดดเด่น
ขณะที่ทิศทางของกำไรยังเห็นการเติบโตขึ้นในปี 65 ที่คาดว่าไม่ต่ำกว่า 20% จากปัจจัยกดดันด้านการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ที่จะเปลี่ยนมาเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ที่สิ้นสุดลง ทำให้ลูกหนี้กลับมาชำระคืนหนี้ในอัตราดอกเบี้ยปกติ ส่งผลหนุนต่อการฟื้นตัวของกำไรในปีนี้ที่คาดว่าเห็นความโดดเด่น
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 ม.ค. 65)
Tags: MTC, หุ้นไทย, เมืองไทย แคปปิตอล