นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.แอสเซทไวส์ (ASW) ) เปิดเผยว่า ในปี 65 บริษัทเดินหน้าขยายธุรกิจเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง โดยได้เข้าร่วมทุน (Joint Venture Agreement) กับบริษัท Takara Leben (ทาคาระ เลเบ็น) จากญี่ปุ่น โดยบริษัทถือหุ้นน 51% และทาคาระ เลเบ็น ถือหุ้น 49% เพื่อร่วมกันพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม “แอทโมซ บางนา” มูลค่าโครงการกว่า 2.2 พันล้านบาท เป็นโครงการโลว์ไรส์ขนาดใหญ่ย่านบางนาประเดิมเป็นโครงการแรก
Takara Leben เป็นบริษัทในเครือ ทาคาระ กรุ๊ป เป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำที่พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมและบ้านเดี่ยวมากว่า 500 โครงการ ทั้งยังประกอบธุรกิจโรงผลิตไฟฟ้าและธุรกิจโรงแรมในญี่ปุ่น ก่อตั้งเมื่อปี 2515 จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โตเกียวเมื่อปี 2547 และจะดำเนินธุรกิจครบ 50 ปีในปีนี้
นายคาซูอิชิ ชิมาดะ CEO บริษัท ทาคาระ เลเบ็น จำกัด กล่าวว่า บริษัทมองหาพันธมิตรที่มีความแข็งแกร่งในแต่ละประเทศ เพื่อร่วมกันสร้างโอกาสในการเติบโต โดย ASW เป็นบริษัทมหาชนที่มีความมั่นคงและอนาคตไกลในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของไทย พิสูจน์ได้จากทั้งคุณภาพของโครงการ และความสามารถในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังมีปรัชญาในการดำเนินธุรกิจตรงกัน คือ ยึดมั่นในการออกแบบความสุขเพื่อการอยู่อาศัย บริษัทจึงมั่นใจและตัดสินใจร่วมทุนพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในประเทศไทยเป็นครั้งแรก
นอกจากนี้ ASW ได้แจ้งการเข้าซื้อกิจการบริษัท แม็กซี่ พรีเมียร์ วัน จำกัด ในสัดส่วน 100% ของทุนจดทะเบียน เพื่อขยายการลงทุนในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ซึ่ง แม็กซี่ พรีเมียร์ วัน เป็นผู้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม Maxxi Prime Ratchada-Sutthisan คอนโดมิเนียม Low Rise สูง 8 ชั้น 1 อาคาร จำนวน 218 ยูนิต มูลค่าโครงการ 570 ล้านบาท ใกล้สถานีรถไฟฟ้าสุทธิสาร และส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีเหลือง สถานีลาดพร้าว คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณกลางปี 65 โดยปัจจุบันสร้างเสร็จแล้วประมาณ 83%
โครงการ Maxxi Prime Ratchada-Sutthisan ได้ผ่านการคัดสรรมาเป็นอย่างดี สอดคล้องกับหลักการพัฒนาโครงการของ ASW คือ เน้นสร้างความสุขในการอยู่อาศัย ผ่านทั้งทำเลศักยภาพ ตัวโครงการที่ดี การออกแบบห้องพักที่สวยงามลงตัว และการมอบความสุขด้วยส่วนกลางที่มอบให้อย่างเต็มที่ โครงการมีกำหนดจะเสร็จสิ้นในไตรมาส 1/65 ซึ่งหมายความว่าพร้อมโอนกรรมสิทธิ์เพื่อสร้างรายได้ให้กับบริษัทได้ในเวลาอันรวดเร็ว ช่วยลดระยะเวลาในการพัฒนาโครงการ ทั้งยังเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เพราะได้อัตราผลตอบแทนภายใน (IRR) สูงกว่าการพัฒนาโครงการเองจากที่ดินเปล่า
“เราแสวงหาการลงทุนในทุกรูปแบบ การร่วมมือหรือ Synergy เพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆถือเป็นแนวทางการดำเนินธุรกิจของบริษัท ทั้งกับพันธมิตรในลักษณะ Joint Venture และการเข้าซื้อกิจการบริษัท แม็กซี่ พรีเมียร์ วัน จำกัด เพราะเป็นการสร้างโอกาส เพิ่มศักยภาพความแข็งแกร่งให้กับ ASW มากยิ่งขึ้น อีกทั้งเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับการพัฒนาโครงการอสังหาฯ ผลักดันรายได้และกำไรเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และยั่งยืนในอนาคต” นายกรมเชษฐ์ กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 ม.ค. 65)
Tags: ASW, กรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์, หุ้นไทย, แอสเซทไวส์