นักวิเคราะห์ฯ คาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้รีบาวด์ตามตลาดหุ้นในภูมิภาค หลังรับรู้ปัจจัยสหรัฐเตรียมขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาดและจะมีการปรับลดขนาดงบดุลบัญชีทันทีหลังขึ้นดอกเบี้ยไปแล้ว แต่มองขึ้นไม่ไกลรอติดตามทิศทาง Fund flow และผลการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19(ศบค.) หลังตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ในไทยพุ่ง พร้อมให้แนวรับที่ 1,645 จุด และแนวต้าน 1,665 จุด
นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนหลักทรัพย์ บล.เคทีบีเอสที กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสรีบาวด์ขึ้น ตามทิศทางตลาดหุ้นในภูมิภาค หลังจากวานนี้ปรับตัวลดลงค่อนข้างมาก ซึ่งสะท้อนรายงานการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่อาจจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด รวมถึงการปรับลดขนาดงบดุลบัญชี (Balance Sheet) ทันทีหลังจากเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปทั้งหมดแล้ว
แต่อย่างไรก็ตามมองว่าการปรับขึ้นของดัชนีวันนี้จะไปได้ไม่ไกล เนื่องจากนักลงทุนยังคงติดตามว่าภาครัฐจะมีการปรับนโยบายอย่างไรหลังมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนที่เพิ่มมากขึ้น และทิศทาง Fund flow ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป ในขณะเดียวกันวันนี้จะมีการประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรสหรัฐ
“วันนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยจะรีบาวด์กลับมาแต่คงไปได้ไม่ไกล เพราะยังมีปัจจัยที่ไม่แน่นอนอยู่ ทั้งทิศทางของ Fund flow การประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐที่จะออกมาในคืนนี้ และตัวเลขผู้ติดเชื้อโอมิครอนที่พุ่งขึ้น ศบค. จะมีการจัดการอย่างไร แต่เชื่อว่าปิดตลาดดัชนีจะสามารถยืนเหนือแดนบวกได้”
นายมงคล กล่าว
พร้อมให้แนวรับที่ 1,645 จุด และแนวต้าน 1,665 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
– ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (6 ม.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 36,236.47 จุด ลดลง 170.64 จุด (-0.47%),ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,696.05 จุด ลดลง 4.53 จุด (-0.10%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,080.86 จุด ลดลง 19.31 จุด (-0.13%)
– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 223.66 จุด หรือ +0.79%, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 2.91 จุด หรือ +0.08% และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 246.06 จุด หรือ +1.07%
– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (6 ม.ค.) 1,653.03 จุด ลดลง 23.76 จุด (-1.42%)
– นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,699.54 ล้านบาท เมื่อวันที่ 6 ม.ค.65
– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.พ.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (6 ม.ค.) ปิดที่ระดับ 79.46 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.19 ดอลลาร์ หรือ 2.1%
– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (6 ม.ค.) อยู่ที่ 5.72 ดอลลาร์/บาร์เรล
– เงินบาทเปิด 33.55 แนวโน้มอ่อนค่าจากปัจจัยทั้งใน-ตปท. คาดกรอบวันนี้ 33.50-33.65
– สธ.ประกาศเตือนภัย โควิด-19 ระดับ 4 เพิ่มมาตรการปิดสถานที่เสี่ยง จำกัดรวมกลุ่ม เลี่ยงเดินทางข้ามจังหวัด ศบค.เคาะปรับระดับสีพื้นที่ 10 จังหวัด ที่ติดเชื้อเกินวันละ 100 ราย คุมกิจการ-กิจกรรม ห้ามดื่ม รับนักท่องเที่ยวได้เฉพาะ “กักตัว” “แซนด์บ็อกซ์” ขยาย Test&Go ค้างท่อถึง 15 ม.ค. ชงเพิ่มแซนด์บ็อกซ์เกาะ 6 จังหวัดพยุงเศรษฐกิจประเทศ “หอการค้า” ค้านล็อกดาวน์ทั้งประเทศ
– “สรรพากร” ลุยศึกษารีดภาษีขายหุ้น เคาะเรต 0.1% ชูจ่ายล้านละพัน จ่อชงคลังพิจารณาเร็วๆ นี้ มั่นใจไม่กระทบตลาดหุ้นไทย เหตุหลังโควิดบุก 2 ปี ดัชนียังพุ่ง ด้าน FETCO ชี้ยังไม่ใช่เวลาเหมาะสม หวั่นกระทบวอลุ่มตลาดหาย 20-30%
– สมาคมการค้าผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลไทย”ค้านเก็บภาษี คริปโท หัก ณ ที่จ่าย 15% ของกำไร ทุกทรานเซคชั่น เตรียมจับมือก.ล.ต. เข้าหารือกรมสรรพากร หวั่นนักลงทุนหนีเทรดตลาดต่างประเทศ ด้าน “สมหมาย” เดินหน้าออกฎหมาย ยันมีระบบตรวจสอบ ป้องยื่นภาษีไม่ถูกต้อง
– ประกันโควิดพ่นพิษ สมาคมประกันวินาศภัยไทยยื่นอุทธรณ์บอร์ด คปภ.ยกเลิกคำสั่ง 2 ฉบับ พร้อมเรียกค่าเสียหาย ‘สุทธิพล’ ประกาศพร้อมสู้ ฝ่ายกฎหมายชี้คำสั่งชอบด้วยกฎหมาย
– “ไพบูลย์” ค้านเก็บภาษีขายหุ้น นัดถกบอร์ดสภาตลาดทุนสัปดาห์หน้า ก่อนยื่นหนังสือแสดงท่าทีถึงกระทรวงคลัง หวั่นกระทบสภาพคล่องที่เป็นจุดขายของตลาดหุ้นไทย หากเก็บภาษีจริงคาดจะทำให้วอลุ่มเทรดตลาดรวมหายไป 20-30% ส่วน “โอมิครอน” คาดกระทบหุ้นไทยไม่มาก พร้อมเผยดัชนีเชื่อมั่นนักลงทุน 3 เดือนข้างหน้าลดลง 4.2% แต่ยังอยู่ในโซนร้อนแรง
หุ้นเด่นวันนี้
– OCEAN (เมย์แบงก์)เป้าเชิงกลยุทธ์ 2.89 บาท คาดกำไรปกติปี 65 จะขยายตัวสู่ระดับ 221 ล้านบาท เติบโตเด่นจากปี 64 ที่มีกำไรเพียง 40 ล้านบาท แรงหนุนจากการรับรู้โครงการอสังหาฯ ผสานกับการต่อยอดในธุรกิจกัญชง ที่เป็น New S-Curveใหม่ที่คาดจะสร้างรายได้ตั้งแต่ 1Q65 และจะเร่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงครึ่งหลังปี 65
– PSL (คันทรี่ กรุ๊ป) “ซื้อ” เป้าหมาย 21.20 บาท คาดอัตราค่าระวางเรือเฉลี่ย (TCE) สำหรับเรือขนาดเล็ก-กลาง (Handysize และ Supramax) จะยังมีระดับที่ทำกำไรได้สูงตลอดทั้งปี 2022-23 จากประเด็นอุปทานล้นเกินที่หมดไป
– SMD (คิงส์ฟอร์ด) “ซื้อเก็งกำไร” เป้าหมาย IAA Consensus 20.20 บาท การเร่งตัวของจำนวนผู้ติดเชื้อโอมิครอนในประเทศหลังปีใหม่ ทำให้การตรวจคัดกรองเชื้อ COVID-19 ด้วยตัวเองผ่านชุดเครื่องตรวจ ATK กลายเป็นสินค้าจำเป็นมากขึ้น โดยเฉพาะประชาชนที่เดินทางเป็นประจำ รวมถึงบางสถานที่ยังเพิ่มความเข้มงวดตรวจคัดกรองด้วย ATK ก่อนเข้ารับบริการ ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 65 เพิ่มขึ้นเป็น 1.8 พันล้านบาท จากแนวโน้มปี 64 คาดว่าจะทำรายได้ที่ราว 1.55 พันล้านบาท เนื่องจากความต้องการเครื่องมือทางการแพทย์ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงรายได้จากการขายจากการขายชุดตรวจ ATK ให้กับหน่วยงานราชการและร้านสะดวกซื้อ 7-11
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 ม.ค. 65)
Tags: SET, ตลาดหุ้นไทย, มงคล พ่วงเภตรา, หุ้นไทย