น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง ขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบรายการแสดงการส่งเงินสมทบและการนำส่งเงินสมทบผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment) พ.ศ….. ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการขยายกำหนดเวลายื่นแบบฯ ออกไปอีก 7 วันทำการ นับแต่วันที่พ้นกำหนดวันที่ 15 ของเดือนถัดจากเดือนที่มีการหักเงินสมทบไว้
ทั้งนี้ ร่างประกาศกระทรวงแรงงานฯ ฉบับนี้ จะมาทดแทนประกาศฉบับเดิมที่เริ่มมีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 11 ม.ค. 2562และสิ้นสุดในเดือน ธ.ค. 564 ซึ่งประกาศฉบับเดิมนั้น ได้กำหนดให้นายจ้างจะต้องหักค่าจ้างของผู้ประกันตนและให้ถือว่าผู้ประกันตนทุกครั้งที่มีการจายค่าจ้างตามจำนวนที่ต้องนำส่งเป็นเงินสมทบ และให้นายจ้างนำเงินสมทบทั้งส่วนของลูกจ้างและนายจ้างส่งแก่สำนักงานประกันสังคมภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดจากเดือนที่มีการหักเงินสมทบไว้ พร้อมยื่นแบบรายการแสดงการนำส่งเงินดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมคณะกรรมการประกันสังคมและที่ปรึกษา (ชุดที่ 13) เมื่อวันที่ 21 ก.ย. 2564 ได้เห็นว่าเพื่อส่งเสริมและรองรับความสะดวกในการประกอบธุรกิจของนายจ้าง และเพื่อประโยชน์ของผู้ประกันตนให้ได้รับความคุ้มครอง และสนับสนุนให้นายจ้างทำธุรกรรมผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น สอดคล้องกับสถานการณ์ที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จึงเห็นชอบให้ขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบแสดงการส่งเงินสมทบ และการนำส่งเงินสมทบผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-payment) ออกไปอีก 7 วัน นับแต่วันที่พ้นกำหนดวันที่ 15 ของเดือนถัดจากเดือนที่มีการหักเงินสมทบไว้ และนำเสนอต่อ ครม. และประกาศมีผลบังคับสำหรับค่าจ้างตั้งแต่เดือนที่ประกาศ มีผลใช้บังคับเป็นระยะเวลา 24 เดือนต่อไป
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (04 ม.ค. 65)
Tags: e-Payment, ประชุมครม., มติคณะรัฐมนตรี, เงินสมทบ, ไตรศุลี ไตรสรณกุล