แอสตร้าฯ เผยผลศึกษาชี้ยาโควิด Evusheld ลบล้างเชื้อโอมิครอนได้

บริษัท แอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยผลทดสอบการลบล้างฤทธิ์ไวรัสโดยใช้ไวรัสที่มีชีวิต จากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด สหราชอาณาจักร และคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยวอชิงตัน เซนต์หลุยส์ สหรัฐอเมริกา พบว่า ยา Evusheld มีระดับ Inhibitory Concentration 50 (IC50) (ระดับฤทธิ์ของแอนติบอดีในการลบล้างเชื้อไวรัสได้ 50%) เมื่อใช้ปริมาณยา 273 นาโนกรัมต่อมิลลิลิตร และ 147 นาโนกรัมต่อมิลลิลิตรตามลำดับ ซึ่งอยู่ในระดับเดียวกันกับผู้ที่เคยติดเชื้อและหายป่วยได้เองจากเชื้อโควิด-19

ข้อมูลดังกล่าวมาจากการทดลองในห้องปฏิบัติการ ซึ่งใช้ไวรัสมีชีวิตที่แยกมาจากผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์โอไมครอน ถือเป็นการศึกษาด้านการลบล้างฤทธิ์ไวรัสของแอนติบอดีที่มีมาตรฐานสูงสุด4 ทั้งนี้จากการศึกษาโดยมหาวิทยาลัยทั้งสองพบว่า ยา Evusheld เป็นแอนติบอดีหนึ่งในสองชนิดซึ่งผ่านการอนุมัติให้ใช้งานแล้ว ที่สามารถลบล้างไวรัสโคโรนาสายพันธุ์โอไมครอนและสายพันธุ์ที่น่ากังวลอื่นๆได้

ข้อมูลจากการศึกษาดังกล่าว สอดคล้องกับข้อมูลจากการทดสอบไวรัสเทียมโดยผู้วิจัยอิสระขององค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกาซึ่งได้เผยแพร่ผลการศึกษาไปเมื่อ 16 ธันวาคม 2564 อีกทั้งเป็นข้อมูลที่ช่วยสนับสนุนถึงหลักฐานทางการศึกษาพรีคลินิกที่มีมากขึ้น และแสดงให้เห็นว่ายา Evusheld สามารถออกฤทธิ์ต่อสายพันธุ์ที่น่ากังวลได้ในทุกสายพันธุ์ที่มีการค้นพบจนถึงปัจจุบัน

เมเน แพนกาลอส รองประธานบริหารฝ่ายวิจัยและพัฒนาด้านยาชีวเภสัชภัณฑ์ (Biopharmaceuticals) ของแอสตร้าเซนเนก้า กล่าวว่า “เราได้รับข้อมูลที่สอดคล้องกันจากการศึกษาอิสระทั้งสามการศึกษา ซึ่งทำให้เรามั่นใจว่า ยา Evusheld ซึ่งเป็นการผสมแอนติบอดีประสิทธิภาพสูงสองชนิดเข้าด้วยกัน สามารถลบล้างไวรัสโคโรนาสายพันธุ์โอไมครอนได้ในระดับที่มีคุณประโยชน์ต่อผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ยา Evusheld คือแอนติบอดีออกฤทธิ์ยาว (Long-acting Antibody – LAAB) แบบผสมชนิดเดียวที่ได้รับการขึ้นทะเบียนให้นำมาใช้ในภาวะฉุกเฉินในสหรัฐอเมริกา สำหรับการป้องกันก่อนการสัมผัสเชื้อไวรัสก่อโรคโควิด-19 โดยเรารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งที่ ยา Evusheld มีให้ใช้แล้วในขณะนี้ ซึ่งสามารถช่วยปกป้องประชากรที่เปราะบาง เช่น ผู้ที่มีปัญหาเรื่องภูมิคุ้มกันบกพร่อง ผู้ที่อาจมีการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันต่อวัคซีนป้องกันโควิด-19 ได้ไม่เพียงพอ และผู้ที่มีความเสี่ยงสูงในการเกิดโรคโควิด-19″

ยา Evusheld ถูกออกแบบและพัฒนาขึ้นมา เพื่อเอาชนะการต้านฤทธิ์และการกลายพันธุ์ของไวรัส SARS-CoV-2 ในอนาคตโดยเฉพาะ โดยเป็นการผสมแอนติบอดีประสิทธิภาพสูงสองชนิดเข้าด้วยกัน อันนำมาซึ่งการออกฤทธิ์ต่อเชื้อไวรัสที่ส่งเสริมกัน

การทดลองทางคลินิกของยา Evusheld มีขึ้นในช่วงที่ไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนยังไม่แพร่ระบาด ทางบริษัทกำลังดำเนินการเก็บข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อให้เข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับประยุกต์ใช้ผลการศึกษานี้ในแนวทางการรักษาต่อไป โดยจะมีการยื่นข้อมูลจากการศึกษาทั้งสองการศึกษาเพื่อตีพิมพ์ในวารสารวิชาการหลังผ่านการทบทวนโดยผู้เชี่ยวชาญ

ยา Evusheld ได้รับการขึ้นทะเบียนให้นำมาใช้ในภาวะฉุกเฉินในสหรัฐอเมริกาในเดือนธันวาคม 2564 สำหรับการป้องกันก่อนการสัมผัสเชื้อไวรัสก่อโรคโควิด-19 ในผู้ที่มีปัญหาเรื่องภูมิคุ้มกันบกพร่องปานกลางถึงรุนแรง เนื่องมาจากการรักษาทางการแพทย์ หรือได้รับยากดภูมิคุ้มกัน และผู้ที่อาจมีการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันต่อวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ได้ไม่เพียงพอ รวมถึงผู้ที่ไม่สามารถรับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ได้

ประชากรทั่วโลกประมาณ 2% มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นที่จะมีการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันต่อวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ลดลง โดยหลักฐานจากการค้นพบล่าสุดแสดงให้เห็นว่าการปกป้องประชากรที่เปราะบางจากการติดเชื้อโควิด-19 สามารถป้องกันการเกิดวิวัฒนาการของเชื้อไวรัสนี้ได้ และนับเป็นปัจจัยสำคัญต่อการกลายพันธุ์ของสายพันธุ์ต่างๆ

แสดงให้เห็นว่า Evusheld ของแอสตร้าเซนเนก้า ยาแอนติบอดีออกฤทธิ์ยาว (Long-acting Antibody – LAAB) แบบผสม (ส่วนผสมระหว่างแอนติบอดีสองชนิด ได้แก่ tixagevimab และ cilgavimab) สำหรับการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 สามารถลบล้างเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 (B.1.1.529) สายพันธุ์โอไมครอนได้

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 ธ.ค. 64)

Tags: , , , ,