นายกฯ กำชับเพิ่มความเข้มข้นเฝ้าระวังเดินทางเข้าปท./รมว.สธ.สั่งเอาผิดนทท.หนีกักตัว

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้ย้ำให้หน่วยงานด้านสาธารณสุขและเจ้าหน้าที่ตำรวจเพิ่มความถี่และความเข้มข้นในการเฝ้าระวัง และติดตามนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ หรือคนไทยที่เดินทางกลับเข้าประเทศ ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขการเข้าประเทศและมาตรการสาธารณสุขที่กำหนด ซึ่งนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้อำนวยการ ศูนย์บริหารสถานการร์โควิด-19 (ศบค.) ดำเนินทุกมาตรการเพื่อป้องกันและชะลอการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 โดยเฉพาะสายพันธุ์โอมิครอน

ขณะเดียวกันก็เร่งฉีดวัคซีนโควิด-19 ต่อเนื่อง ทั้งการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นในกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มเปราะบาง รวมทั้งให้ทำความเข้าใจกลุ่มผู้ที่ปฏิเสธการฉีดวัคซีน เพื่อให้เห็นประโยชน์ของการฉีดวัคซีนด้วย โดยตั้งเป้าหมายให้รณรงค์ให้ปีหน้าเป็นปีแห่งการฉีดวัคซีนบูสเตอร์ หรือวัคซีนเข็มกระตุ้นสำหรับคนไทยด้วย

สำหรับผู้ติดเชื้อรายใหม่วันนี้ มีจำนวน 2,940 ราย จำแนกเป็นผู้ป่วยจากระบบเฝ้าระวังฯ 2,798 ราย ผู้ป่วยจากการค้นหาเชิงรุก 125 ราย ผู้ป่วยภายในเรือนจำ/ที่ต้องขัง 53 ราย หายป่วยกลับบ้าน 2,798 ราย หายป่วยสะสม 2,114,760 ราย (ตั้งแต่ 1 เม.ย.) ผู้ป่วยกำลังรักษา 38,314 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 30 ราย

“นายกรัฐมนตรียังกล่าวว่า ขณะนี้เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของสถานการณ์ เป็นช่วงเปลี่ยนผ่านการแพร่ระบาดของสายพันธุ์เดิม คือ เดลตาไปสู่โควิด-19 กลายพันธุ์โอมิครอน ซึ่งกำลังเป็นความท้าทายระบบการป้องกันและควบคุมโรคที่ไทยและทั่วโลกกำลังเผชิญอยู่ รัฐบาลและ ศบค. มีความจำเป็นต้องดำเนินมาตรการเข้มข้น ระงับการเดินเข้าประเทศแบบ Test and Go และ Sandbox ชั่วคราว ซึ่งรัฐบาลเข้าใจและเห็นใจผู้ประกอบการ ภาคเอกชน ที่อาจต้องปรับรูปแบบการประกอบการให้เข้ากับสถานการณ์และความจำเป็นในระยะนี้ ซึ่งทุกฝ่ายต้องช่วยซึ่งกันและกันด้วยการดำเนินกิจกรรมได้ภายใต้มาตรการ COVID Free Setting และขอให้ทุกคนปฏิบัติตาม Universal Prevention อย่างเคร่งครัด รวมถึงตรวจ ATK เป็นระยะๆ รัฐบาลพร้อมดูแลพี่น้องประชาชนให้ใช้ช่วงเวลาเทศกาลปลายปีเก่าต้อนรับปีใหม่อย่างมีความสุขและปลอดภัย”

นายธนกร กล่าว

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า หลังจากเจ้าหน้าที่จับกุมตัวนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ไม่ยอมกักตัวตามมาตรการที่กำหนด ก็ต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย เรื่องนี้ได้สืบสวนแล้วพบว่า นักท่องเที่ยวรายนี้ไม่ยอมรอผลตรวจ แล้วเดินทางไปตามสถานที่ต่างๆ เท่ากับได้ละเมิดกฎหมายในประเทศไทยแล้ว ส่วนจะมีโทษเป็นอย่างไรก็ว่าไปตามนั้น นอกจากนี้ทางโรงแรมก็ต้องรับผิดชอบว่าทำไมปล่อยให้ออกมา ทั้งที่ยังไม่ได้รับผล

“เราต้องมาดูมาตรการว่ามันมีช่องโหว่ตรงไหน แล้วรีบอุด อย่ามองว่าเป็นเรื่องเล็ก เพราะนี่คือเคสเดียว แต่ถ้ามี 50 เคส รับรองว่าวุ่นวายมหาศาล”

นายอนุทิน กล่าว

ส่วนคนไทยที่มีแผนจะเดินทางไปต่างประเทศ นายอนุทิน ย้ำว่า ถ้าระหว่างที่พำนักอยู่ประเทศนั้น แล้วประเทศดังกล่าวมีการระบาดมากๆ ทางการไทยก็ต้องปรับมาตรการ อาจมีขั้นตอนต่างๆ เพิ่มเข้ามา ต้องขอให้เข้าใจรัฐบาลเช่นกัน จะเห็นว่าที่ผ่านมา เราปรับมาตรการคัดกรอง ตรวจเชื้อ กักตัวกันอยู่ตลอดเพื่อให้ทันกับสถานการณ์การระบาดของโรค

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 ธ.ค. 64)

Tags: , , , , , , ,