ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 400 จุดเมื่อคืนนี้ (20 ธ.ค.) ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 50 วัน เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนจะผลักดันให้หลายประเทศกลับมาใช้มาตรการล็อกดาวน์รอบใหม่ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากความกังวลที่ว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.75 ล้านล้านดอลลาร์ของประธานาธิบดีโจ ไบเดนอาจถูกคว่ำในวุฒิสภาสหรัฐ
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,932.16 จุด ลดลง 433.28 จุด หรือ -1.23%,
- ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,568.02 จุด ลดลง 52.62 จุด หรือ -1.14% และ
- ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,980.94 จุด ลดลง 188.74 จุด หรือ -1.24%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กเคลื่อนไหวในแดนลบตลอดทั้งวัน ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน โดยล่าสุดผู้นำอังกฤษประกาศว่าจะใช้มาตรการสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโอมิครอนหากจำเป็น ขณะที่เนเธอร์แลนด์เริ่มใช้มาตรการล็อกดาวน์รอบที่ 4 และหลายประเทศในยุโรปกำลังพิจารณาใช้มาตรการที่เข้มงวดเพื่อควบคุมการระบาด
ชัค คาร์ลสัน นักวิเคราะห์จากบริษัท Horizon Investment Services กล่าวว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้ตลาดหุ้นนิวยอร์กดิ่งลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ มาจากความกังวลที่ว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโอมิครอนอาจส่งผลให้ปัญหาห่วงโซ่อุปทานยืดเยื้อต่อไปอีก และจะส่งผลกระทบอย่างหนักต่อเศรษฐกิจและผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน
หุ้น 9 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลง 1.9% ทั้งนี้ หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ร่วงลง 1.69% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ดิ่งลง 2.64% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ร่วงลง 1.88% หุ้นเจพีมอร์แกน ร่วงลง 1.82%
หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมและกลุ่มวัสดุร่วงลงเช่นกัน โดยหุ้นแคทเธอร์ พิลลาร์ ร่วงลง 2.96% หุ้นโบอิ้ง ดิ่งลง 2.16% หุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริก (จีอี) ลดลง 1.63% หุ้นวัลแคน มาเทเรียลส์ ดิ่งลง 2.91% หุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอแรน ร่วงลง 1.5%
หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ดิ่งหลุดจากระดับ 70 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 1.43% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ร่วงลง 1.4% หุ้นเดวอน เอนเนอร์จี ดิ่งลง 2.44%
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการที่นายโจ แมนชิน แกนนำวุฒิสมาชิกของพรรคเดโมแครตประกาศไม่สนับสนุนร่างกฎหมาย Build Back Better วงเงิน 1.75 ล้านล้านดอลลาร์ของปธน.ไบเดน โดยอ้างว่าจะเป็นการเพิ่มภาระหนี้ให้กับสหรัฐ ซึ่งท่าทีดังกล่าวของนายแมนชินจะส่งผลให้ร่างกฎหมายดังกล่าวขาดเสียงสนับสนุนที่เพียงพอในวุฒิสภา แม้ว่าผ่านการอนุมัติจากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ การที่ร่างกฎหมาย Build Back Better ถูกขัดขวางในวุฒิสภาได้ส่งผลให้โกลด์แมน แซคส์ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในไตรมาสแรกของปี 2565 สู่ระดับ 2% จากเดิมที่ระดับ 3% และปรับลดคาดการณ์สำหรับไตรมาส 2 และ 3 สู่ระดับ 3% และ 2.75% ตามลำดับ จากเดิมที่ระดับ 3.5% และ 3%
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึง ดัชนีกิจกรรมเศรษฐกิจทั่วประเทศเดือนพ.ย.จากเฟดชิคาโก, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3/2564, ยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ย., ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนพ.ย., ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนพ.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดขายบ้านใหม่เดือนพ.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นสุดท้ายเดือนธ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 ธ.ค. 64)
Tags: Nasdaq, S&P500, ดาวโจนส์, ตลาดหุ้นนิวยอร์ก