ตัวเลขการควบรวมกิจการทั่วโลกทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2564 ทำลายสถิติเดิมที่เคยทำไว้เมื่อ 15 ปีที่แล้ว โดยได้รับอานิสงส์จากการเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่ง่ายขึ้น และการประเมินมูลค่าที่สูงขึ้น ซึ่งกระตุ้นให้มีการทำสัญญาซื้อขายกันมากขึ้น
ข้อมูลจาก Dealogic ณ วันที่ 16 ธ.ค. ระบุว่า มูลค่าการควบรวมกิจการทั่วโลกพุ่งแตะที่ 5 ล้านล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ โดยปริมาณการทำสัญญาควบรวมกิจการเพิ่มขึ้น 63% แตะที่ 5.63 ล้านล้านดอลลาร์ ทุบทำลายสถิติเดิมในช่วงก่อนเกิดวิกฤตทางการเงินที่ 4.42 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2550
ตัวเลขการควบรวมกิจการในสหรัฐปรับตัวขึ้นเกือบ 2 เท่าแตะที่ 2.61 ล้านล้านดอลลาร์ในปีนี้ ส่วนการควบรวมกิจการในยุโรปทะยานขึ้น 47% แตะที่ 1.26 ล้านล้านดอลลาร์ ส่วนยอดในเอเชียแปซิฟิกพุ่ง 37% แตะที่ 1.27 ล้านล้านดอลลาร์
นายคริส รูพ ประธานฝ่ายการควบรวมกิจการประจำอเมริกาเหนือของเจพีมอร์แกน ระบุว่า “งบดุลของบริษัทต่าง ๆ มีความแข็งแกร่งอย่างน่าประหลาดใจ โดยมีเงินสดหมุนเวียนถึง 2 ล้านล้านดอลลาร์เฉพาะในตลาดสหรัฐ และการเข้าถึงแหล่งเงินทุนนั้นก็มีค่าใช้จ่ายที่ต่ำมากเป็นประวัติการณ์”
ทั้งนี้ ภาคเทคโนโลยีและสาธารณสุขเป็นธุรกิจที่มีสัดส่วนการควบรวมกิจการมากที่สุดในปี 2564 หลังยอดการควบรวมกิจการร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปีเมื่อปีที่ผ่านมา เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากโควิด-19
อนึ่ง บริษัทต่าง ๆ ได้เร่งระดมทุนจากการเสนอขายหุ้นและพันธบัตร ขณะที่บริษัทขนาดใหญ่ใช้ประโยชน์จากตลาดตราสารทุนที่ขยายตัวอย่างมากในปีนี้เพื่อนำหุ้นของตนเองมาใช้ชำระค่าดำเนินการควบรวมกิจการ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 ธ.ค. 64)
Tags: การควบรวมกิจการ, คริส รูพ, เจพีมอร์แกน