ยอดค้าปลีกของอังกฤษปรับตัวสูงขึ้นเกินคาดในเดือนพ.ย. เนื่องจากประชาชนออกไปจับจ่ายสินค้าในเทศกาลชอปปิงแบล็ก ฟรายเดย์ (Black Friday) กับช่วงก่อนถึงเทศกาลคริสต์มาส นอกจากนี้ ยังได้แรงหนุนจากการยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ ซึ่งส่งผลให้มีการปิดร้านค้าจำนวนมากเมื่อปีที่แล้ว
สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ (ONS) เปิดเผยข้อมูลในวันนี้ว่า ยอดค้าปลีกของอังกฤษปรับตัวขึ้น 1.4% ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นการปรับขึ้นสูงกว่าปีก่อนถึง 4.7%
ทั้งนี้ การปรับขึ้นดังกล่าวสูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดการณ์ไว้ว่า ยอดขายจะปรับตัวขึ้น 0.8% ในเดือนพ.ย. และสูงกว่าเดือนเดียวกันเมื่อปี 2563 ถึง 4.2%
เฮเธอร์ โบวิลล์ นักสถิติของ ONS กล่าวว่า “ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้นในเดือนพ.ย. โดยได้แรงหนุนที่แข็งแกร่งจากช่วงแบล็ก ฟรายเดย์และการค้าในช่วงก่อนคริสต์มาส โดยเฉพาะเสื้อผ้าที่ขายดีขึ้นเป็นพิเศษและยังดีกว่าระดับก่อนเกิดโควิดเป็นครั้งแรก”
ทั้งนี้ ยอดค้าปลีกของอังกฤษดีดตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังจากทรุดตัวลงในช่วงที่โควิด-19 เริ่มระบาดในปี 2563 แต่ก็ยังคงชะลอตัวลงเรื่อย ๆ หลังดีดตัวแตะระดับสูงสุดในเดือนเม.ย. เนื่องจากการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกในการใช้จ่ายมากขึ้น
อนึ่ง ตัวเลขดังกล่าวเกิดขึ้นก่อนการแพร่ระบาดของสายพันธุ์โอมิครอนในอังกฤษ ซึ่งธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) เตือนเมื่อวานนี้ (16 ธ.ค.) ว่า อาจทำให้ความต้องการสินค้าอุปโภคบริโภคพุ่งทะยานขึ้น โดยสินค้าบางส่วนอยู่ในช่วงขาดตลาดเนื่องจากปัญหาห่วงโซ่อุปทาน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 ธ.ค. 64)
Tags: ยอดค้าปลีก, อังกฤษ, เทศกาลคริสต์มาส, เศรษฐกิจอังกฤษ, แบล็กฟรายเดย์