นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งไซด์เวย์คล้ายตลาดภูมิภาค ในช่วงรอผลประชุมเฟดคืนนี้ เล็งส่งสัญญาณในทางเข้มงวดมากขึ้นหลังเผชิญแรงกดดันจากเงินเฟ้อสูง-ดัชนีราคาผู้ผลิตที่สูงกว่าคาด เล็งเร่งลด QE และขึ้นดอกเบี้ยเร็ว อีกทั้งราคาน้ำมันปรับลง 2 วันซ้อนหลัง IEA เตือนโควิดสายพันธุ์โอมิครอนอาจจะกระทบความต้องการใช้น้ำมัน พร้อมให้แนวรับ 1,625 ถัดไป 1,615-1,616 ส่วนแนวต้าน 1,640 จุด
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ คล้ายตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้แกว่งไซด์เวย์ทั้งในแดนบวก-ลบ แต่ค่อนไปทางลบ ในช่วงรอดูผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) คืนนี้ ซึ่งคาดว่าจะส่งสัญญาณในทางเข้มงวดมากขึ้น หลังจากที่เผชิญแรงกดดันจากตัวเลขเงินเฟ้อที่สูงขึ้น และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐฯก็สูงกว่าคาดด้วย ทำให้มีโอกาสที่จะเร่งปรับลด QE มากขึ้น และอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้นด้วย ซึ่งก็คาดว่าจะปรับขึ้นอย่างน้อย 2 ครั้งในปี 65
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันก็ปรับตัวลง 2 วันติดต่อกัน หลังสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ออกรายงานเตือนว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนจะส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน
อย่างไรก็ดี ยังต้องติดตามการประชุมธนาคารกลางอื่นในสัปดาห์นี้ด้วย อย่างการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) และการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) รวมถึงติดตามเรื่องเพดานหนี้ของสหรัฐฯ ส่วนบ้านเราให้ติดตามตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) จะประกาศการปรับการคำนวณดัชนี SET50 และ SET100 ในสัปดาห์นี้ด้วย
พร้อมให้แนวรับ 1,625 ถัดไป 1,615-1,616 จุด ส่วนแนวต้าน 1,640 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
– ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (14 ธ.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,544.18 จุด ลดลง 106.77 จุด (-0.30%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,634.09 จุด ลดลง 34.88 จุด (-0.75%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,237.64 จุด ลดลง 175.64 จุด (-1.14%)
– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 74.17 จุด หรือ -0.26%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 22.09 จุด หรือ +0.09% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 6.48 จุด หรือ -0.18%
– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (14 ธ.ค.)1,630.64 จุด เพิ่มขึ้น 4.81 จุด (+0.30%)
– นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 3,716.97 ล้านบาท เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.64
– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ม.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (14 ธ.ค.) ปิดที่ระดับ 70.73 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 56 เซนต์ หรือ 0.8%
– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (14 ธ.ค.) อยู่ที่ 6.88 ดอลลาร์/บาร์เรล
– เงินบาทเปิด 33.43 อ่อนค่าหลังดอลลาร์แข็งค่า กังวลเฟดเร่งลด QE-ขึ้นดบ.หลัง PPI พุ่ง
– ตลาดหลักทรัพย์ฯ เปิดยุทธศาสตร์ปี 65 ตั้งเป้าสนับสนุนบริษัทขนาดเล็ก-ธุรกิจนิวเอสเคิร์ฟ เข้าระดมทุน เล็งออกผลิตภัณฑ์เชื่อมโยงการลงทุนต่างประเทศเพิ่มขึ้น ช่วยนักลงทุนกระจายความเสี่ยง พร้อมเดินหน้าสู่ตลาดทุนดิจิทัล คาดอนาคตตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลเติบโตควบคู่กับตลาดทุนแบบเดิม
– นายเกียรติพงศ์ อริยปรัชญา นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสประจำประเทศไทย ธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) เปิดเผยว่า เวิลด์แบงก์ได้ออกรายงานตามติดเศรษฐกิจไทย ธ.ค.64 : อยู่กับโควิดในโลกยุคดิจิทัล ได้ประมาณการเศรษฐกิจไทย หรือจีดีพีในปี 64 ไว้ที่ 1% ไม่เปลี่ยนแปลงจากประมาณการครั้งก่อนหลังจากได้รับผลกระทบจากโควิดและเศรษฐกิจไทยได้ผ่านจุดต่าสุดแล้วในไตรมาส 3 โดยทยอยฟื้นตัวขึ้นและคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะกลับมาเท่ากับก่อนโควิด-19 ได้ช่วงปลายปี 65 โดยจีดีพีในปี 65 เติบโต 3.9% และเพิ่มขึ้นในปี 66 ที่คาดว่าเติบโต 4.3% จากแรงส่งด้านการส่งออก การบริโภคและการท่องเที่ยว
– ครม.เคาะเป้าหมายนโยบายการเงินปี 65 กำหนดอัตราเงินเฟ้อทั่วไปร้อยละ 1-3 เพราะอัตราเงินเฟ้อเป็นระดับที่เหมาะสมกับบริบทของเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รวมถึงเอื้อต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการดำเนินนโยบายการเงินให้รองรับความผันผวนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
– ส.อ.ท.ลุ้นปี 65 เปิดประเทศได้ต่อเนื่อง หวังมาตรการรัฐในการกระตุ้นกำลังซื้อและเศรษฐกิจ หนุนยอดการผลิตรถยนต์ปี 65 ของไทย แตะ 1.7-1.8 ล้านคัน เพิ่มขึ้นจากปี 64 หลังพบประชาชนมีความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจมากขึ้น โดยยอดจองรถงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป ทะลักเกินเป้า จับตาโควิดกลายพันธุ์-การขาดแคลนชิป ยังเป็นปัจจัยเสี่ยงของอุตฯ ยานยนต์
– PRG-W1 (ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญบมจ.พี อาร์ จี คอร์ปอเรชั่น(PRG)) เทรดวันนี้วันแรก มีจำนวน 29,990,554 หน่วย อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ : 1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาการใช้สิทธิ 5.00 บาทต่อหุ้น อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 2 ปี 11 เดือน 16 วัน นับจากวันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ (30 พฤศจิกายน 2564) ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาทต่อหน่วย กำหนดวันใช้สิทธิครั้งแรก 17 ม.ค. 2565 วันใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 15 พ.ย. 2567
– MBK-W3 (ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญบมจ. เอ็ม บี เค (MBK) มีจำนวน 70,206,017 หน่วย อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ : 1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาการใช้สิทธิ 3.00 บาทต่อหุ้น อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 2 ปี 11 เดือน 16 วัน นับตั้งแต่วันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิครั้งแรก ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาทต่อหน่วย กำหนดวันใช้สิทธิครั้งแรก 17 ม.ค. 2565 วันใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 15 พ.ย. 2567
– KBANK (กรุงศรี) “ซื้อ”เป้า 166 บาท เทรนด์ดอกเบี้ยเป็นขาขึ้นตามเงินเฟ้อ สินเชื่อเติบโตดีสุดของกลุ่ม สถานการณ์โควิด-19 ในประเทศเริ่มผ่อนคลายเป็นบวกต่อกลุ่มธุรกิจ SME และเป็นบวกต่อ KBANK เพราะมีสัดส่วนรายได้จากกลุ่มธุรกิจ SME มากที่สุดของกลุ่มเช่นกัน
– SAT (เคทีบีเอสที) เป้าเชิงกลยุทธ์ 22.50 บาท รายได้ปี 65 โตต่อ ยอดผลิตรถยนต์ขยายตัวต่อเนื่อง ส่วนปี 65 ตลาดรถยนต์จะกลับมาคึกคัก ลูกค้าคนสำคัญอย่าง Toyota เร่งลงทุน ทั้งนี้ Q2/65 ปรับเพิ่มราคาขายสินค้า ฝั่ง Demand เติบโตต่อหลังโควิด-19 ซา Order ใหม่ทยอยเข้า เพิ่ม U-Rate ให้โรงงาน พร้อมประเมินกำไรสุทธิปี 2564-2565 ที่ 1 พันลบ. และ 1.1 พันลบ. +172%YoY, +11%YoY ตามลำดับ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 ธ.ค. 64)
Tags: SET, ตลาดหุ้นไทย, หุ้นไทย, อภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล