นายเผดิมภพ สงเคราะห์ กรรมการผู้จัดการ ประธานสายธุรกิจรายย่อย บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวในงานสัมมนา “ส่องหุ้นไทย 2022 ลงทุนรับเปิดประเทศ” ในหัวข้อ “เบญจภาคี 5 หุ้นเด็ด หลังเปิดเมือง” ว่า ตลาดหุ้นไทยจะเริ่มปรับตัวขึ้นอย่างโดดเด่นในวันที่ 30 ธ.ค. 64 หลังจากการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจไทยประจำเดือนพ.ย. ซึ่งคาดว่าตัวเลขภาคการผลิต ภาคบริการ และภาคการค้าจะออกมาดี ตามเศรษฐกิจในประเทศที่เริ่มทยอยฟื้นตัว แม้ว่าอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจ (GDP) ของไทยในไตรมาส 3/64 จะยังคบติดลบ แต่ทุกสำนักคาดว่า GDP ในไตรมาส 4/64 จะสามารถกลับมาเป็นบวกได้อีกครั้ง ต่อเนื่องไปยังปี 65
โดยให้ธีมการลงทุนปี 65 ทั้งหมด 3 ธีมได้แก่ 1) หุ้นกลุ่มค้าปลีก : เนื่องจากผ่านจุดต่ำที่สุดในช่วงไตรมาส 3/64 มาแล้ว และในปี 65 จะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ เห็นได้จากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย.จากศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ปรับขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือน และเป็นการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องกันเป็นเดือนที่ 3 พร้อมแนะนำหุ้น CPALL และ DOHOME
2) หุ้นกลุ่มที่อยู่อาศัย/อสังหาริมทรัพย์ : หลังจากราคาขายที่อยู่อาศัยเริ่มปรับตัวสูงขึ้น ทั้งคอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว นอกจากนี้ยังมองว่าเป็นหุ้นที่มี PE ต่ำ และให้เงินปันผลสูง พร้อมแนะนำหุ้น LH และ SC
และ 3) หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ : ซึ่งจะปรับตัวตามภาวะเศรษฐกิจ ดังนั้นจะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในปี 65 พร้อมแนะนำหุ้น KBANK
ด้านนายภาสกร ลินมณีโชติ กรรมการผู้จัดการ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยช่วงครึ่งปีแรกของปี 65 จะดีกว่าช่วงครึ่งปีหลังตามกำลังซื้อที่กลับเข้ามา จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ที่ต้องการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าไปในระบบ ส่วนในช่วงครึ่งปีหลังจะต้องติดตามนโยบายของธนาคารกลางในแต่ละประเทศว่าจะมีทิศทางอย่างไร ต่อแรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นตั้งแต่ในปีนี้ และต่อเนื่องไปยังปี 65
และมองเป้าดัชนีตลาดหุ้นไทยปี 65 จะขึ้นไปสูงกว่าที่ 1,730 จุดได้ หากทั้ง 3 ปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในประเทศฟื้นตัวครบทั้ง ภาคการส่งออก ภาคการท่องเที่ยว และเศรษฐกิจในประเทศ แต่อย่างไรก็ตามยังคงมีหลายปัจจัยที่ต้องจับตามอง เช่น การแพร่ระบาดโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่โอมิครอน ซึ่งจะส่งผลให้ภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่
พร้อมให้ธีมการลงทุนหลักในปี 65 ทั้งหมด 6 ธีม ประกอบด้วย
ด้านเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิจัย บล.เอเชีย พลัส กล่าวว่า มองเป้าดัชนีตลาดหุ้นไทยปี 65 มีแนวโน้มทะลุ 1,800 จุด เนื่องจากเศรษฐกิจจะฟื้นตัวได้ดีจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐและมาตรการทางการเงินที่ยังคงช่วยเหลือผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง เพราะแม้ว่า GDP จะปรับเพิ่มขึ้น แต่ก็ยังไม่กลับไปสูงเท่าช่วงก่อนโควิด-19 ประกอบกับกำไรบริษัทจดทะเบียนในปี 65 น่าจะออกมาดี เพราะแม้ในปี 64 ที่ต้องเผชิญกับภาวะโควิด-19อย่างรุนแรง กำไรของบริษัทจดทะเบียนในทุก ๆ ไตรมาสก็ยังออกมาดีกว่าคาดได้ นอกจากนี้ยังมีเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติที่น่าจะเข้ามาในปี 65 ด้วย
พร้อมแนะนำหุ้น 5 ตัว ประกอบไปด้วย 1) ADVANC : หลังจากที่ TRUE และ DTAC ประกาศแผนควบรวม ทำให้การแข่งขันทางด้านราคาลดลง 2) DOHOME : ตามยอด SSSG ที่เติบโต 3) THANI : หลังสินเชื่อรถบรรทุกมีแนวโน้มฟื้นตัวหลังเปิดเมือง 4) KBANK : พร้อมเดินหน้าเส้นทางสายดิจิตัล และ 5) M : หลังภาครัฐผ่อนปรนมาตรการรับประทานอาหารภายในร้าน
ส่วนนายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการอาวุโส นักกลยุทธ์การลงทุนฝ่ายวิจัย บล.หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ทิศทางตลาดหุ้นครึ่งปีแรกจะปรับตัวขึ้นได้โดดเด่นกว่าครึ่งปีหลัง จากแรงหนุนอย่างทิศทางเศรษฐกิจโลก ที่ตัวเลขภาคการผลิตกลับไปสูงกว่าช่วงก่อนโควิด-19 แล้ว ด้านภาคบริการแม้จะยังฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่ แต่มีฐานที่ต่ำ และในปี 65 ยังคาดว่าจะเห็นการเปิดประเทศที่สำคัญ เช่น จีน ซึ่งจะทำให้ภาคการบริการทั่วโลกกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง โดยมองเป้าดัชนีปีนี้ที่ 1,660 จุด และปี 65 ที่ 1,750 จุด
พร้อมแนะนำหุ้น 5 ตัว อย่าง 1) JMART ซึ่งคาดว่าจะทำผลงานออลไทม์ไฮได้ต่อเนื่องไปถึงปี 65 2) TTB : ซึ่งมีฐานลูกค้าเพิ่มมากขึ้นหลังการควบควมกันของสองธนาคาร 3) JMT : เตรียมงบประมาณราว 1 หมื่นล้านบาทสำหรับซื้อหนี้ในปีหน้า 4) CPN : รับรู้รายได้จาก SF ได้เต็มปี และ 5) SCC ซึ่งจะดีขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 ธ.ค. 64)
Tags: GDP, ตลาดหุ้น, ตลาดหุ้นไทย, บล.หยวนต้า, หุ้นไทย, เผดิมภพ สงเคราะห์