พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) ในฐานะโฆษก บช.น. เปิดเผยว่า กรณีมีการนัดรวมตัวของกลุ่มผู้ชุมนุมฯ กลุ่มเครือข่ายพสกนิกรสานต่อการปฏิบัติขับไล่ Amnesty บริเวณหน้ากระทรวงมหาดไทย เวลา 10.00 น., กลุ่มเครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น จะเดินทางเท้าจากองค์การสหประชาชาติ (UN) ไปทำเนียบรัฐบาล เวลา 15.00, กลุ่ม People ศิลปินเพลงเพื่อราษฎร บริเวณหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ในเวลา 17.00 น. กลุ่มพลเมืองโต้กลับ บริเวณหน้าศาลฎีกา เวลา 17.30 น. และกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบทะลุแก๊ส บริเวณแยกดินแดง เวลา 17.30 น. ผบช.น.ได้จัดเตรียมกำลังพลและยุทโธปกรณ์ เพื่อเข้าดำเนินการรักษาความสงบเรียบร้อยในการชุมนุมฯ ดังกล่าว โดยเน้นย้ำให้ปฏิบัติภายใต้กรอบกฎหมาย และคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลัก
สำหรับการปฏิบัติเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยเมื่อวานนี้ (12 ธ.ค.64) การชุมนุมของกลุ่มจะนะรักษ์ถิ่น และกลุ่มพลเมืองโต้กลับ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
ส่วนกลุ่มราษฎรและกลุ่มแนวร่วมที่นัดชุมนุมบริเวณแยกราชประสงค์ มีการรวมกลุ่มผู้ชุมนุมประมาณ 500 คน เริ่มรวมกลุ่มในเวลา 15.05 น.ได้นำรั้วเหล็กมาปิดกั้นช่องจราจรบนถนนราชดำริฝั่งขาอก เพื่อตั้งเวทีปราศรัย ต่อมาเวลา 15.20 น. ผกก.สน.ลุมพินี ได้เข้าเจรจาและได้ประกาศแจ้งเตือนให้ยุติการชุมนุมฯ เนื่องจากเป็นความผิดตามกฎหมายฯ และเสี่ยงต่อการแพรโรคระบาด ซึ่งกลุ่มผู้ชุมนุมฯยังคงเดินหน้าทำกิจกรรมชุมนุมฯ ต่อไป โดยปิดช่องการจราจรบนถนนราชดำริ ช่วงแยกราชประสงค์-แยกประตูน้ำเพิ่มเติมทุกช่องทาง ส่งผลให้ถนนต่อเนื่องรถติดขัดสะสมมากกระทบปัญหาการจราจรโดยรวม ทั้งนี้กลุ่มผู้ชุมนุมฯ ได้ทำกิจกรรมปราศรัยต่อเนื่องไปจนถึงเวลา 21.00 น. จึงได้ประกาศยุติการชุมนุมฯ
ด้านกลุ่มก่อความไม่สงบฯ พบว่าเวลา 19.40 น. ได้ก่อเหตุยิงพลุไฟจำนวนหลายครั้งบริเวณแยกชิดลมใกล้กับจุดที่มีการชุมนุมฯ เจ้าหน้าที่เข้าทำการตรวจสอบพบว่ากลุ่มผู้ก่อความไม่สงบฯ ได้หลบหนีออกไปจากพื้นที่แล้ว จึงได้เข้าเก็บรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อนำไปพิสูจน์ทราบตัวผู้กระทำผิดต่อไป จากกรณีเหตุการณ์ชุมนุมฯ ดังกล่าวในเวลา 22.05 น. ขณะที่ ส.ต.ต.ชัยพล เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทุ่งมหาเมฆ ขณะเสร็จสิ้นภารกิจรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ชุมนุมฯ ได้เดินทางนำอุปกรณ์ไปเก็บที่ สน.ได้ถูกกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบฯ ซึ่งกำลังก่อเหตุจุดพลุอยู่บริเวณถนนเพชรบุรีใกล้แยกมิตรสัมพันธ์เข้าทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บ และทุบทำลายรถจักรยานยนต์ได้รับความเสียหาย โดยได้มีพลเมืองดีเข้าให้ความช่วยเหลือ ส.ต.ต.ชัยพล จึงได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนที่ สน.พญาไท ซึ่งได้ถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ โดยเจ้าหน้าที่ได้สอบปากคำพยานและรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อพิสูจน์ทราบตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
และจากการปฏิบัติการแก้ไขปัญหากลุ่มผู้ก่อความไม่สงบตามมาตรการเชิงรุกในพื้นที่ บช.น.ได้จัดเตรียมกำลังการปฏิบัติโดยมีการตั้งจุด ว.43 เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่สำคัญจำนวน 12 จุด สามารถป้องกันเหตุความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้น และจากการปฏิบัติได้ตรวจคันยานพาหนะจำนวน 2,832 คัน ตรวจพบผู้กระทำจำนวนผิด 9 ราย พบของกลางเป็นอาวุธมืด 6 ราย ประทัดปิงปอง 1 ราย ยาเสพติด 1 ราย และจุดพลุ 1 ราย จึงได้ควบคุมตัวนำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ส่วนการดำเนินการทางกฎหมายตั้งแต่เดือน ก.ค.63 จนถึงปัจจุบันมีคดีที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมฯ ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร จำนวนทั้งสิ้น 804 คดี ขณะนี้ได้ทำการสอบสวนเสร็จสิ้นและสั่งฟ้องไปแล้ว 406 คดี อยู่ระหว่างดำเนินการสอบสวน 398 คดี
“ขอย้ำเตือนไปยังผู้ที่คิดก่อเหตุความไม่สงบ และผู้ที่เข้าร่วมการชุมนุมฯ โดยผิดกฎหมายว่าหากมีการก่อเหตุสร้างความเสียหายสร้างความเดือดร้อนในบ้านเมือง เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเข้าไปดำเนินคดีกับผู้ที่ก่อเหตุดังกล่าวทุกราย และขอแจ้งเน้นย้ำว่าขณะนี้แม้กรุงเทพมหานครจะถูกปรับให้เป็นพื้นที่จังหวัดนำร่องด้านการท่องเที่ยวแล้วก็ตาม แต่การชุมนุมฯ หรือรวมกลุ่มทำกิจกรรมที่มีลักษณะเสี่ยงต่อการแพร์โรคนั้น ยังคงเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, ประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินฯ ฉบับที่ 14 ลงวันที่ 1 พ.ย.2564 และ พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ จึงขอความร่วมมือประชาชนงดการร่วมกิจกรรมการชุมนุมฯ ต่างๆ เพื่อความสงบสุขและความปลอดภัยโดยรวมของประเทศชาติและประชาชน”
พล.ต.ต.จิรสันต์ กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 ธ.ค. 64)
Tags: กลุ่มจะนะรักษ์ถิ่น, กลุ่มพลเมืองโต้กลับ, กลุ่มราษฎร, จิรสันต์ แก้วแสงเอก, ชุมนุม, ม็อบ