ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจใน 12 เขตของสหรัฐหรือ Beige Book เมื่อวานนี้ โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัวเล็กน้อยจนถึงปานกลางในช่วงเดือนต.ค.ถึงต้นเดือนพ.ย. ขณะที่ราคาสินค้าเพิ่มขึ้นทั่วประเทศ อันเนื่องมาจากปัญหาห่วงโซ่อุปทานชะงักงันและการขาดแคลนแรงงาน
“ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้นเป็นวงกว้าง โดยมีสาเหตุมาจากความต้องการวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง รวมทั้งปัญหาด้านโลจิสติกส์ และภาวะตึงตัวในตลาดแรงงาน ราคาสินค้าปรับตัวขึ้นในอัตราปานกลางจนถึงแข็งแกร่ง โดยราคาปรับตัวขึ้นในทุกภาคส่วนของระบบเศรษฐกิจ และเมื่อพิจารณาจากภาพรวมแล้ว อุปสงค์ที่แข็งแกร่งได้ทำให้บริษัทเอกชนปรับขึ้นราคาสินค้า”
เฟดระบุในรายงาน Beige Book
รายงานเฟดยังระบุว่า ในขณะที่แนวโน้มกิจกรรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมยังคงเป็นบวกในเขตของเฟดส่วนใหญ่ แต่ผู้ประกอบการบางรายกังวลกับความไม่แน่นอนว่า ปัญหาด้านซัพพลายเชนและการขาดแคลนแรงงานจะบรรเทาลงเมื่อใด
นอกจากนี้ รายงานยังระบุด้วยว่า ความวิตกกังวลเกี่ยวกับการดูแลเด็ก, การเกษียณอายุงาน และความปลอดภัยท่ามกลางการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นั้น เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาขาดแคลนแรงงาน ขณะที่หลายเขตได้แสดงความกังวลว่า มาตรการบังคับฉีดวัคซีนของรัฐบาลกลางสหรัฐอาจทำให้การจ้างงานเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบากมากขึ้น
นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดได้กล่าวต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวานนี้ว่า เจ้าหน้าที่เฟดจะปรับนโยบายเพื่อเพิ่มการจ้างงานในสหรัฐ และสร้างความมั่นใจว่า เงินเฟ้อจะไม่ดีดตัวสูงขึ้นเป็นเวลานาน
ทั้งนี้ นายพาวเวลระบุว่า เฟดกำลังจับตาสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป และกล่าวว่าเฟดจะใช้เครื่องมือเพื่อสร้างความสมดุลให้กับเป้าหมาย 2 ประการของเฟดซึ่งได้แก่ การทำให้สหรัฐมีการจ้างงานอย่างเต็มศักยภาพ และสร้างเสถียรภาพด้านราคา
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02 ธ.ค. 64)
Tags: ธนาคารกลางสหรัฐ, สหรัฐ, เฟด, เศรษฐกิจสหรัฐ