คณะกรรมการที่ปรึกษาของสำนักงานอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐซึ่งประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญที่เป็นบุคคลภายนอก ลงมติด้วยคะแนนเสียง 13 ต่อ 10 อนุมัติการใช้ยาโมลนูพิราเวียร์ของบริษัทเมอร์ค แอนด์ โค ในการรักษาโรคโควิด-19 เป็นกรณีฉุกเฉิน โดยเมอร์คได้พัฒนายาดังกล่าวร่วมกับบริษัทริดจ์แบ็ค ไบโอเทราพิวติกส์
ทั้งนี้ ยา 1 คอร์สของเมอร์คประกอบด้วยยาโมลนูพิราเวียร์ขนาด 200 มิลลิกรัม จำนวน 40 เม็ดสำหรับผู้ป่วย 1 คน โดยผู้ป่วยจะรับประทานยาวันละ 2 ครั้ง ๆ ละ 4 เม็ด เป็นเวลา 5 วัน
สำหรับขั้นตอนต่อไปนั้น คณะกรรมการที่ปรึกษาจะยื่นมติดังกล่าวให้ FDA พิจารณาเป็นลำดับต่อไป และเมื่อ FDA ให้การอนุมัติยาโมลนูพิราเวียร์ก็จะเป็นการปลดล็อกให้มีการใช้ยาดังกล่าวทั่วโลก เนื่องจากหน่วยงานสาธารณสุขของหลายประเทศยังไม่ให้การอนุมัติการใช้ยาโมลนูพิราเวียร์ หากยังไม่ได้รับการรับรองจาก FDA ของสหรัฐ
ที่ผ่านมานั้น FDA มักมีมติสอดคล้องกับความเห็นของคณะกรรมการที่ปรึกษา แม้ว่าโดยหลักการแล้ว FDA ไม่จำเป็นต้องดำเนินการตามคำแนะนำของคณะกรรมการที่ปรึกษาก็ตาม
อย่างไรก็ดี กรรมการหลายคนของทีมที่ปรึกษา FDA ระบุว่า การลงมติครั้งนี้เป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากจำเป็นต้องพิจารณาอย่างรอบคอบระมัดระวังเกี่ยวกับความเสี่ยงและประโยชน์จากยาโมลนูพิราเวียร์ นอกจากนี้ กรรมการหลายคนยังได้แนะนำให้มีการทบทวนการใช้ยาเป็นกรณีฉุกเฉิน หรืออาจถึงขั้นถอนการอนุมัติการใช้ยา หากพบว่าในวันข้างหน้ามีทางเลือกอื่นที่ดีกว่าในการรักษา
เมื่อวันที่ 26 พ.ย.ที่ผ่านมา เมอร์คได้เปิดเผยข้อมูลใหม่พบว่า ยาโมลนูพิราเวียร์ลดความเสี่ยงของผู้ป่วยโควิด-19 ในการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลหรือเสียชีวิตได้เพียง 30% เท่านั้น จากเดิมที่เคยระบุว่าสามารถลดความเสี่ยงดังกล่าวได้ 50%
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 ธ.ค. 64)
Tags: COVID-19, FDA, Molnupiravir, ยารักษาโควิด-19, เมอร์ค แอนด์ โค, โมลนูพิราเวียร์