บริโภคยังฟื้นไม่ทั่วถึง
วิจัยกรุงศรี ประเมินภาคส่งออกจะยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญของไทยในปี 2565 แม้จะขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงจากปีนี้ แต่ยังคงสูงกว่าค่าเฉลี่ยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา โดยล่าสุด วิจัยกรุงศรี ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์มูลค่าการส่งออกในปี 2564 (บนฐานข้อมูลกระทรวงพาณิชย์) คาดว่าจะขยายตัว 15% จากเดิมคาด 13.5% และมีแนวโน้มเติบโตได้ 4.5% ในปี 2565
เนื่องจาก 1.แรงส่งเชิงบวกจากการขยายตัวของการส่งออกสินค้าสำคัญหลายรายการและการนำเข้าวัตถุดิบและสินค้าขั้นกลาง 2.ปัจจัยหนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า และ 3. การพึ่งพากันภายในภูมิภาคมากขึ้น (Regionalization) จากความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ต้นปี 2565 จะเพิ่มโอกาสให้แก่ภาคการผลิตและการส่งออกของไทย
ทั้งนี้ ยังต้องจับตาผลกระทบจากไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่อาจกระทบต่อกำลังซื้อของบางประเทศหากมีการล็อกดาวน์ หรืออาจส่งผลต่อต้นทุนการขนส่งหากมีมาตรการควบคุมที่เข้มงวดมากขึ้น
ขณะที่การส่งออกเดือนต.ค. 64 ขยายตัวดีต่อเนื่อง มูลค่าส่งออกอยู่ที่ 22.7 พันล้านดอลลาร์ ขยายตัว 17.4% YoY ใกล้เคียงกับเดือนก่อนที่เติบโต 17.1% หากหักสินค้าที่เกี่ยวข้องกับน้ำมัน มูลค่าส่งออกเดือนนี้ขยายตัวเหลือ 12.7%
ด้านธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ออกมาตรการแก้หนี้ระยะยาวเพิ่มเติม ด้วยการปรับปรุงแนวทางการรวมหนี้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่อรายย่อยประเภทอื่น (debt consolidation) โดยขยายขอบเขตให้สามารถรวมหนี้ข้ามสถาบันการเงิน และ/หรือผู้ประกอบธุรกิจที่มิใช่สถาบันการเงิน จากเดิมที่สามารถรวมหนี้ได้เฉพาะหนี้ในสถาบันการเงินเดียวกันเท่านั้น
นอกจากนี้ ธปท. ได้ดำเนินการลดข้อจำกัดการทำรีไฟแนนซ์หนี้ เพื่อส่งเสริมการแข่งขันของสถาบันการเงินในการรวมหนี้ให้กับลูกหนี้ควบคู่ไปด้วย โดยการห้ามเรียกเก็บค่าปรับจากการไถ่ถอนสินเชื่อก่อนครบกำหนด (prepayment fee) เป็นการชั่วคราว จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2566
“จากมาตรการดังกล่าว คาดว่าจะช่วยทำให้ลูกหนี้สามารถลดดอกเบี้ยจากหนี้สินเชื่อไม่มีหลักประกันได้ถึงประมาณ 15% และช่วยเพิ่มสภาพคล่องแก่ลูกหนี้ได้บ้าง ท่ามกลางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ยังมีความเปราะบางจากตลาดแรงงานที่อ่อนแอ”
บทวิเคราะห์ระบุ
ล่าสุดสภาพัฒน์ฯ เผยอัตราการว่างงานในไตรมาส 3/64 อยู่ที่ 2.25% สูงสุดในรอบ 16 ปี ภาวะหนี้ครัวเรือนปัจจุบัน (สิ้นเดือนมิถุนายน 2564) อยู่ที่ 89.3% ของ GDP อย่างไรก็ตาม การฉีดวัคซีนที่กระจายเป็นวงกว้าง ทำให้ทางการผ่อนคลายข้อจำกัดต่างๆ ได้มากขึ้น ซึ่งล่าสุดได้ปรับระดับพื้นที่การระบาดเป็นไม่มีจังหวัดที่อยู่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) จากเดิมมี 6 จังหวัด หนุนให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจมีแนวโน้มปรับดีขึ้น
สำหรับในปี 2565 วิจัยกรุงศรีคาดว่าการทยอยฟื้นตัวของธุรกิจอุตสาหกรรมต่างๆ จะช่วยหนุนการจ้างงาน และทำให้ค่าจ้างเฉลี่ยโดยรวมในปีหน้ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นประมาณ 5% แต่ยังต่ำกว่าระดับก่อนเกิดการระบาดอยู่ 2.9% โดยการฟื้นตัวยังไม่กระจายไปในทุกภาคธุรกิจ ทุกพื้นที่ และทุกกลุ่มรายได้
“การบริโภคภาคเอกชนในปีหน้า จึงเผชิญแรงกดดันและอาจเติบโตได้ค่อนข้างจำกัด โดยเฉพาะกลุ่มที่มีรายได้น้อยหรือพึ่งพารายได้จากภาคท่องเที่ยว”
บทวิเคราะห์ระบุ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 พ.ย. 64)
Tags: ส่งออก, หนี้ครัวเรือน, เศรษฐกิจไทย