นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน ตอบกระทู้ถามของนายอัครเดช วงศ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส. ราชบุรี พรรคประชาธิปัตย์ กรณีการแก้ปัญหาราคาน้ำมันดีเซลราคาแพง และกระทบกับประชาชนรวมถึงผู้ให้บริการด้านการขนส่ง
โดยข้อเสนอหนึ่ง คือ ให้ทบทวนการทำงานของบมจ. ปตท. (PTT) ให้มุ่งดูแลประชาชนมากกว่าแสวงหากำไร ที่ล่าสุดประกาศผลกำไร 3 ไตรมาส รวม 8 หมื่นล้านบาท ดังนั้นควรให้ ปตท. มีการชดเชยค่าน้ำมันดีเซลให้ประชาชนว่า ไม่สามารถนำกำไรทั้งหมดของปตท.มาช่วยประชาชนได้ เพราะมีผู้ถือหุ้นรายอื่นด้วย อีกทั้งขัดต่อกฎหมาย
“แอสเซทของปตท. อยู่ที่ 2.5 ล้านล้านบาท กำไรแสนล้านบาท เมื่อเทียบกับธุรกิจของต่างประเทศ กำไรไม่มาก แม้จะดูเหมือนเยอะ ทั้งนี้ ตามสัดส่วนของการถือหุ้น แม้รัฐบาลจะถือหุ้นมากถึง 62% แต่อีก 38% คือ นักลงทุนและประชาชน หากนำกำไรของปตท. สนับสนุนมาตรการของรัฐบาล เช่น สนับสนุนดีเซล ทำไม่ได้ เพราะมีผู้ถือหุ้นรายอื่นด้วย อีกทั้งขัดต่อกฎหมาย แต่สิ่งหนึ่งที่ได้จาก ปตท.ทั้งนี้ตลอด 9 เดือน เป็นเงิน 5.6 หมื่นล้านบาท คือ เงินปันผลที่รัฐบาลได้รับ และ เงินภาษี โดยเงินนี้จะออกมาในรูปแบบของการช่วยเหลือด้านต่างๆ เช่น กองทุนน้ำมันฯ ”
นายสุพัฒนพงษ์ ชี้แจง
นายสุพัฒนพงษ์ ระบุว่า ราคาขายน้ำมันที่สถานีบริการน้ำมัน ปตท.ต่ำที่สุด เมื่อเทียบกับเอกชนรายอื่นๆ ซึ่งเป็นนโยบายที่รัฐบาลให้ไว้เพื่อดูแลประชาชน รวมถึงโครงการอื่นที่ช่วยเหลือประชาชน
การทำงานของ ปตท. คือ ดูแลเสถียรภาพให้ประชาชนมั่นใจว่ามีพลังงานใช้ในต้นทุนที่เหมาะสม และทำธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เช่น ก๊าซปิโตเลียมเพื่อแข่งขันกับเอกชน ช่วยขยายเศรษฐกิจ ท่ามกลางการแข่งขันตลาดเสรี
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 พ.ย. 64)
Tags: PTT, ปตท., พรรคประชาธิปัตย์, ราคาน้ำมัน, สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์, อัครเดช วงศ์พิทักษ์โรจน์