TTB มองแนวโน้มธุรกิจแบงก์ปี 65 ฟื้นต่อเนื่องจากแรงหนุนการเติบโตของสินเชื่อ

ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี (TTB analytics) ระบุว่า การดำเนินงานของธนาคารพาณิชย์ในปี 65 คาดมีแนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่อง ตามการขยายตัวของเศรษฐกิจและการลงทุนภาคเอกชน โดยคาดว่าสินเชื่อโดยรวมมีแนวโน้มขยายตัวได้ราว 5.5% ในขณะที่เงินฝากมีทิศทางเติบโตอัตราชะลอลงจากการฟื้นตัวของการบริโภคภายในประเทศ และการปรับเปลี่ยนการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ

ด้านคุณภาพสินเชื่อโดยรวมยังทรงตัวอยู่ในระดับ 3.0% ได้รับการสนับสนุนจากนโยบายการปรับโครงสร้างหนี้ (debt restructuring) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ทั้งนี้ ประเมินอัตราดอกเบี้ยกู้ยืมคงที่อยู่ในระดับต่ำ จากการปรับลดอัตรานำส่งเงินสมทบกองทุนฟื้นฟูฯ (FIDF) และแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ทรงตัวในปี 65

แนวโน้มสินเชื่อธนาคารพาณิชย์ในปี 65 ปัจจัยสนับสนุนจากการเติบโตของสินเชื่อทั้งภาคธุรกิจและรายย่อย ในภาพรวมสินเชื่อธุรกิจ พบว่าสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่มีแนวโน้มขยายตัว 4.2% นำโดยสินเชื่อภาคการผลิตและภาคก่อสร้าง ซึ่งได้รับแรงสนับสนุนจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะใน EEC มาตรการส่งเสริมการลงทุนของ BOI และการค้าระหว่างประเทศที่เติบโตดี

ส่วนสินเชื่อธุรกิจ SMEs คาดการณ์เติบโต 4.5% จากหลายปัจจัยสนับสนุน ได้แก่ แนวโน้มการฟื้นตัวที่ดีของธุรกิจภายหลังการเปิดประเทศ ความต้องการสภาพคล่องเพื่อกลับมาดำเนินธุรกิจ รองรับอุปสงค์ที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต รวมถึงแรงสนับสนุนของสินเชื่อฟื้นฟูของ ธปท.และสถาบันการเงินของรัฐ โดยสินเชื่อ SMEs ที่มีแนวโน้มขยายตัวได้ดีในปีหน้า ได้แก่ ธุรกิจค้าปลีกค้าส่งออนไลน์ ธุรกิจการผลิตเกี่ยวกับนวัตกรรมด้านอาหาร สุขภาพ เกษตรแปรรูป และบริการด้านธุรกิจดิจิทัล เป็นต้น

สำหรับสินเชื่อรายย่อย มีแนวโน้มฟื้นตัวตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น คาดการณ์การเติบโตปี 65 ที่ 6.5% จากการฟื้นตัวของสินเชื่อในทุกหมวดหมู่ ทั้งสินเชื่อที่อยู่อาศัย สินเชื่อรถยนต์ และสินเชื่อส่วนบุคคล โดยสินเชื่อที่อยู่อาศัย มีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้น 7% จากการฟื้นตัวของกำลังซื้อภายในประเทศ ที่ได้รับผลบวกจากการผ่อนปรนมาตรการสินเชื่อที่อยู่อาศัย (LTV) และกำลังซื้อจากต่างประเทศที่กลับมาพร้อมกับการเปิดประเทศ ส่วนสินเชื่อรถยนต์มีแนวโน้มฟื้นตัวจากอุปสงค์คงค้าง (Pend up demand) จากปี 64 โดยเติบโต 4% และในปี 65 การฟื้นตัวของการบริโภคภาคเอกชนจะช่วยสนับสนุนให้สินเชื่อส่วนบุคคลปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 8.5%

ด้านคุณภาพสินเชื่อ มีแนวโน้มทรงตัวระดับเดิม จากนโยบายส่งเสริมการปรับโครงสร้างหนี้ของ ธปท. ที่ขยายเวลาการใช้หลักเกณฑ์การจัดชั้นและกันเงินสำรองอย่างยืดหยุ่นไปจนถึงสิ้นปี 66 เพื่อให้ธนาคารสามารถให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ผ่านการเปลี่ยนโครงสร้างสินเชื่อ จากระยะสั้นเป็นระยะยาวร่วมกับการปรับโครงสร้างหนี้วิธีอื่นๆ โดยคาดการณ์ว่าอัตราส่วนยอดคงค้างสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL ratio) ในปี 65 จะอยู่ที่ระดับ 3.0% ซึ่งใกล้เคียงกับช่วงปี 64 ในระดับ 3.1%

ในส่วนอัตราดอกเบี้ยกู้ยืมปี 65 มีแนวโน้มไม่เปลี่ยนแปลงจากปี 64 เนื่องจากคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะทรงตัวที่ระดับ 0.50% ต่อเนื่องตลอดปี 65 เพื่อเป็นการสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ประกอบกับ ธปท. ได้ขยายระยะเวลาปรับลดอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุน FIDF เหลือ 0.23% จาก 0.46% ต่อปี ออกไปจนถึงสิ้นปี 65 เพื่อให้สถาบันการเงินสามารถส่งผ่านการลดต้นทุน เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อภาคธุรกิจ และประชาชนได้อย่างต่อเนื่อง

สำหรับเงินฝากในปี 65 มีแนวโน้มขยายตัวได้ 3.0% ลดลงเล็กน้อยจากประมาณการที่ 3.5% ในปี 64 โดยปริมาณเงินฝากในบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ยังคงเติบโตอยู่ที่ 6.5% แต่ชะลอลงจากปี 64 ที่ขยายตัว 8.5% ตามแนวโน้มการบริโภคที่ฟื้นตัวได้เร็วหลังเปิดประเทศ ขณะที่ปริมาณเงินฝากบัญชีฝากประจำคาดว่าจะหดตัว 7% ในปี 65 ซึ่งเป็นทิศทางที่ลดลงต่อเนื่องตั้งแต่ปี 63 จากอัตราดอกเบี้ยบัญชีเงินฝากประจำที่อยู่ในระดับต่ำ สอดคล้องกับอัตราดอกเบี้ยนโยบายทรงตัวที่ 0.50% ตั้งแต่กลางปี 63 เป็นต้นมา ทำให้ผู้ฝากทั้งประชาชนและภาคธุรกิจปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการลงทุน และเลือกลงทุนในรูปแบบอื่นๆ เช่น พันธบัตรรัฐบาล ตราสารหนี้ ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า

ทั้งนี้ ในภาพรวมแนวโน้มเงินฝากที่ยังคงเติบโตในปี 65 จะทำให้สภาพคล่องในระบบธนาคารพาณิชย์ยังคงอยู่ในระดับสูงเกือบ 4 ล้านล้านบาท รวมทั้งการที่ยังคงมีเงินกองทุนในระดับสูง จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งของระบบธนาคารพาณิชย์ไทยได้

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 พ.ย. 64)

Tags: , , , , ,