TU ลดวงเงินลงทุนปี 64 มาที่ 4.0-4.5 พันลบ.รายได้โตตามเป้า,ดัน”ไอ-เทลฯ”เข้าตลาด H2/65

นางสาวเกวลี ทองสมอางค์ หัวหน้าหน่วยงานนักลงทุนสัมพันธ์ บมจ.ไทนยูเนี่ยน กรุ๊ป (TU) เปิดเผยว่า บริษัทได้ปรับลดวงเงินลงทุนในปี 64 มาที่ 4.0 -4.5 พันล้านบาท จากเดิมวางงบไว้ 5 พันล้านบาท โดยจะเลื่อนการใช้งบบางส่วนไปเป็นปีหน้า

ส่วนรายได้ของบริษัทในปีนี้ คาดว่าจะเติบโต 3-5% โดยในงวด 9 เดือนมีรายได้ 1.03 แสนล้านบาท เติบโต 3.6% และมีกำไรสุทธิแข็งแกร่งมาที่ 6.08 พันล้านบาท เติบโต 27% ขณะที่บริษัทยังเชื่อว่าในไตรมาส 4/64 ผลประกอบการจะยังเติบโตต่อเนื่อง เห็นแนวโน้มธุรกิจเป็นบวกโดยเฉพาะธุรกิจอาหารทะเลแช่แข็ง และอาหารสัตว์เลี้ยง (Pet Food)

ขณที่แนวโน้มในปี 65 ก็คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่อง โดยปกติจะเติบโต 3-5% แต่มุ่งเน้นความสามารถทำกำไร คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) น่าจะสูงขึ้นจากปีนี้คาดไว้ที่ 17-18% โดยในไตรมาส 3/64 ทำได้ 18% ทั้งนี้ มองว่าทุกธุรกิจมีแนวโน้ม positive ซึ่งธุรกิจอาหารทะเลแช่แข็ง และอาหารสัตว์เลี้ยง ยังมีแนวโน้มเติบโตได้ดีต่อเนื่อง รวมทั้งคาดว่าธุรกิจ Red Lobster ซึ่งเป็นร้านอาหารจะกลับมาฟื้นตัวอย่างชัดเจน หลังจากได้รับผลกระทบจากการระบาดโควิด-19

นอกจากนี้ ในปี 65 บริษัทจะเริ่มรับรู้กำไรเต็มปีจากที่ TU เข้าลงทุน บมจ.อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย (RBF) สัดส่วน 10% ก็จะรับรู้กำไรตามสัดส่วนการลงทุน และยังมีรายได้จากธุรกิจใหม่ที่เป็นอาหารเสริมแบรนด์ Zeavita ก็จะมีรายได้เข้ามาเต็มปี

นางสาวเกวลี ยังกล่าวว่า บริษัทมีแผนจะนำ บมจ.ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น ซึ่งเป็นบริษัทย่อย เป็นกลุ่มธุรกิจอาหารสัตว์ (Pet Food) เข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 65 ซึ่งก็จะทำให้ TU ได้รับรู้มูลค่าที่แท้จริง

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 พ.ย. 64)

Tags: , , ,