แนวโน้มดัชนีหุ้นไทยเช้าปรับลงตามภูมิภาค เล็งกลุ่มพลังงานกดดันหลังราคาน้ำมันร่วง

นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับลงตามตลาดภูมิภาค เล็งกลุ่มพลังงานกดดันหลังราคาน้ำมันร่วง จากสหรัฐฯบอกให้จีน-ประเทศอื่น ๆ เอาน้ำมันจากคลังออกมาใช้เพื่อสกัดเงินเฟ้อพุ่ง ทำให้เล็งสหรัฐฯจะนำน้ำมันจากคลังออกมาใช้ก่อน นอกจากนี้เงินเฟ้อของอังกฤษพุ่ง เล็ง BoE จะขึ้นดอกเบี้ยก่อน ขณะที่เฟด-ECB พยายามที่จะยังไม่ขึ้นดอกเบี้ย ส่วนบ้านเราลุ้นมาตรการช้อปดีมีคืน และปัจจัยอื่น ๆ พร้อมให้แนวรับ 1,640-1,635 แนวต้าน 1,650-1,658 จุด

นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.กรุงไทย ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะปรับตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ต่างเคลื่อนไหวในแดนลบกันเป็นส่วนใหญ่ จากหุ้นในกลุ่มพลังงานที่น่าจะปรับตัวลงตามราคาน้ำมันที่ร่วงลง หลังสหรัฐฯบอกให้จีน และประเทศอื่น ๆ นำน้ำมันออกจากคลังมาใช้เพื่อสกัดเงินเฟ้อพุ่งสูง ซึ่งทำให้มีการมองกันว่าสหรัฐฯคงจะเริ่มระบายน้ำมันออกจากคลังมาใช้ก่อนคนอื่น

นอกจากนี้ เงินเฟ้อของอังกฤษได้ขึ้นสูง ทำให้มีการมองกันว่าธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) อาจจะเป็นประเทศแรกที่จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) พยายามที่จะยังไม่ขึ้นดอกเบี้ย

ส่วนบ้านเราเวลานี้ยังไม่มีปัจจัยอะไรเด่น ก็มองเป็นปัจจัยอื่น ๆ อย่างการลุ้นมาตรการช้อปดีมีคืนเอาออกมาใช้ เป็นต้น และวานนี้หุ้นในกลุ่มไฟแนนซ์ปรับตัวขึ้นเด่น รับผลจากเศรษฐกิจไทยฟื้น และอัตราดอกเบี้ยบ้านเราก็ยังไม่ปรับขึ้น รวมถึงได้ตอบรับปัจจัยลบก่อนหน้านี้ไปมากแล้ว ซึ่งตอนนี้บ้านเราก็รอ Fund Flow ไหลเข้ามา

พร้อมให้แนวรับ 1,640-1,635 จุด ส่วนแนวต้าน 1,650-1,658 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

– ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (17 พ.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,931.05 จุด ลดลง 211.17 จุด (-0.58%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,688.67 จุด ลดลง 12.23 จุด (-0.26%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,921.57 จุด ลดลง 52.28 จุด (-0.33%)

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 90.4 จุด หรือ -0.30%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 280.2 จุด หรือ -1.09% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 5.88 จุด หรือ -0.17%

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(17 พ.ย.)1,644.60 จุด เพิ่มขึ้น 0.59 จุด (+0.04%)

– นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,448.56 ล้านบาท เมื่อวันที่ 17 พ.ย.64

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (17 พ.ย.) ปิดที่ระดับ 78.36 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 2.40 ดอลลาร์ หรือ 3%

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (17 พ.ย.) อยู่ที่ 4.91 ดอลลาร์/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 32.65 หลายปัจจัยหนุนบาทแข็งค่า คาดกรอบวันนี้ 32.50-32.75

– ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ ชี้ธุรกิจอสังหาฯผ่านจุดต่ำสุด ระบุการผ่อนคลายมาตรการแอลทีวี-เปิดประเทศฉีดวัคซีนคืบหน้า “3 ปัจจัย” ปลดล็อกกำลังซื้อ คาดปีหน้ายอดเปิดโครงการใหม่พุ่งเท่าตัว แนะเร่งตัดสินใจซื้อก่อนราคาบ้านขยับปีหน้า

– ธปท.ส่งสัญญาณ “ธุรกิจโรงแรม” เริ่มทยอยถอนตัว จากมาตรการพักทรัพย์พักหนี้หลายราย หลังผู้ประกอบการขอลุยธุรกิจเองอีกครั้ง ขานรับปัจจัยบวกจากการเปิดประเทศ ท่องเที่ยวกลับมาฟื้น บ่งชี้ผ่านยอดจองห้องพักพุ่ง 100% ฟากแบงก์เร่งช่วยลูกหนี้ จ่อยืดหนี้ยาวถึง 15 ปี

– นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) หมายเลข 82 สายบางขุนเทียน-บ้านแพ้ว (ทางยกระดับบนถนนพระราม 2) ระยะที่ 2 ช่วงเอกชัย-บ้านแพ้ว ระยะทางรวม 16.4 กิโลเมตร (กม.) โดยใช้เงินทุนค่าธรรมเนียมผ่านทาง (กองทุนมอเตอร์เวย์) วงเงิน 19,700 ล้านบาท ได้ผู้รับจ้างที่เสนอราคาต่ำสุดครบทั้ง 10 สัญญาแล้ว โดยกรมเตรียมลงนามสัญญากับผู้รับจ้างทั้ง 10 สัญญาเร็วๆ นี้

– นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ จังหวัดกระบี่ ได้เห็นชอบตามข้อเสนอกระทรวงที่ให้ปี 2565 เป็นปีส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย โดยจะทำการตลาดในแคมเปญ Visit Thailand Year 2022 : Amazing New Chapters ซึ่งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จะจัดงานส่งเสริมกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยว เพื่อกระจายรายได้ไปยังภูมิภาค 5 แห่ง คือ ภูเก็ต พัทยา นครราชสีมา เชียงใหม่ พระนครศรีอยุธยา

– คลังยันไม่ลดภาษีดีเซล แจงกองทุนน้ำมันยังมีเงินเพียงพอดูแลราคาไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร หากไม่ไหว ราคาน้ำมันยังพุ่งต่อค่อยพิจารณาหั่นภาษีช่วย เพื่อไทยจี้หากทำไม่ได้ก็ขอให้ผู้มีความสามารถขึ้นมาบริหารแทน มโนยุโรปจะล็อกดาวน์ราคาน้ำมันลดแน่

หุ้นเด่นวันนี้

– MAJOR (กรุงศรี) “ซื้อ”เป้า 28 บาท การดำเนินงานปกติผ่านจุดต่ำสุดมาแล้วใน Q3/64 ที่ผ่านมา และจะเริ่มพลิกมีกำไรตั้งแต่ Q4/64 จากการคลายล็อกดาวน์ของภาครัฐ โรงหนังกลับมาเปิดทำการ มีหนังฟอร์มใหญ่เข้าฉาย และยังมีเงินปันผลพิเศษให้อีก 1 บาทต่อหุ้นให้ Dividend yield สูงถึง 4.6%

– NER (ฟินันเซีย ไซรัส) “เก็งกำไร”เป้า 8.50 บาท คาดกำไร Q4/64 น่าจะทรงตัวสูง Q-Q ได้และโตเด่น Y-Y ต่อเนื่องตามปริมาณขายที่ยังอยู่ในระดับที่ดี และราคายางพารายังทรงตัวสูง โดยยังคาดกำไรสุทธิปี 64 ทำ New High ที่ 1.7 พันลบ. +100% Y-Y ปัจจัยหนุนกำไรปีหน้าจะมาจากการขยายกำลังการผลิตเพิ่มในช่วง H2/64 ขึ้นอีก 10% และอยู่ระหว่างขยายเข้าสู่ธุรกิจแผ่นปูรองนอนวัว แบรนด์ Cattle Flex เราประเมินกำไรปี 2022 โตต่อเนื่อง +10% Y-Y พร้อมให้แนวรับ 7.30-7.40 บาท แนวต้าน 7.60//7.80-8 บาท

– UBE (เคจีไอ) เป้าพื้นฐาน 3.2 บาท ประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงาน Q4/64 จะดีขึ้น QoQ หลังจากการคลายล็อกดาวน์ประเทศ คาดจะทำให้ยอดขายเอทาทอลเพิ่มขึ้น (การเดินทางโดยรถยนต์ฟื้นตัว) ขณะที่คาดการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะสหรัฐฯและยุโรป จะหนุนยอดส่งออกแป้งมันสำปะหลัง โดยประเมินกำไรปี 2565 เติบโต +86% YoY เป็น 543 ล้านบาท และจะทำให้ Forward PE ลดลงเป็น +/-15 เท่า (จาก Forward PE ปีนี้ที่ +/-28 เท่า) พร้อมประเมินแนวรับ 2.02 บาท / แนวต้าน 2.14-2.20 บาท หากผ่านกรอบแนวต้านนี้ได้ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป 2.4 บาท (Stop loss 1.97 บาท)

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 พ.ย. 64)

Tags: , , , ,