คณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดนแห่งสหรัฐ มีแนวโน้มที่จะจัดซื้อยาแพกซ์โลวิด (Paxlovid) ซึ่งเป็นยารักษาโรคโควิด-19 ขั้นทดลองของบริษัทไฟเซอร์ จำนวน 10 ล้านคอร์สในสัปดาห์นี้
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ในช่วงต้นเดือนพ.ย. ไฟเซอร์เปิดเผยว่า ยาแพกซ์โลวิดสามารถลดความเสี่ยงของผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ในการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลหรือเสียชีวิตได้ถึง 89% ซึ่งนับว่าสูงกว่ายาโมลนูพิราเวียร์ของบริษัทเมอร์ค แอนด์ โค ที่มีประสิทธิภาพเพียง 50%
ทั้งนี้ ยา 1 คอร์สของเมอร์คประกอบด้วยยาโมลนูพิราเวียร์ขนาด 200 มิลลิกรัม จำนวน 40 เม็ดสำหรับผู้ป่วย 1 คน โดยผู้ป่วยจะรับประทานยาวันละ 2 ครั้งๆละ 4 เม็ด เป็นเวลา 5 วัน
ส่วนผู้ที่จะรับประทานยาของไฟเซอร์จะต้องรับทั้งยาแพกซ์โลวิด พร้อมกับยาริโทนาเวียร์ ซึ่งเป็นยารักษาผู้ติดเชื้อ HIV โดยยา 1 คอร์สของไฟเซอร์ประกอบด้วยยาแพกซ์โลวิด 20 เม็ดและริโทนาเวียร์ 10 เม็ดสำหรับผู้ป่วย 1 คน โดยผู้ป่วยจะรับประทานยาแพกซ์โลวิดขนาด 150 มิลลิกรัม 2 เม็ดต่อครั้ง คู่กับยาริโทนาเวียร์ 100 มิลลิกรัม 1 เม็ดต่อครั้ง วันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 5 วัน
ขณะนี้ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐ (FDA) กำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาให้การอนุมัติการใช้ยาโมลนูพิราเวียร์และยาแพกซ์โลวิดเป็นกรณีฉุกเฉิน โดยคาดว่าจะให้การอนุมัติยาโมลนูพิราเวียร์ในช่วงต้นเดือนธ.ค. และจะให้การอนุมัติยาแพกซ์โลวิดหลังจากนั้น
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 พ.ย. 64)
Tags: FDA, Merck, Paxlovid, Pfizer, ยารักษาโควิด-19, เมอร์ค แอนด์ โค, แพกซ์โลวิด, โควิด-19, โจ ไบเดน, โมลนูพิราเวียร์, ไฟเซอร์