นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย กล่าวว่า ตามที่สมาคมผู้ค้าปลีกไทยได้มีการเสนอมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย และมีข้อเสนอให้นำ”ช็อปดีมีคืน” กลับมาใช้อีกครั้งในปีนี้ โดยได้มีหนังสือถึงรัฐบาลในเดือนกรกฎาคม 2564 และจากข่าวของคณะกรรมการร่วมเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ที่สนับสนุนให้มีการกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศผ่านกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อสูงเช่นเดียวกัน ทางสมาคมผู้ค้าปลีกไทยพร้อมผลักดันโครงการ “ช็อปดีมีคืน” ร่วมกับภาคเอกชนเพื่อนำไปสู่แมกเน็ตสำคัญที่จะดึงดูดคนในประเทศหันมาจับจ่ายใช้สอยอย่างคึกคักในช่วงไฮซีซั่นของปีนี้
“ในช่วงเริ่มต้นของโค้งสุดท้ายของปี เราเห็นการออกมาจับจ่ายใช้สอยของผู้คนเพิ่มมากขึ้นซึ่งนับเป็นสัญญาณที่ดีในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย อย่างไรก็ตาม รัฐบาลควรเร่งเดินหน้าผลักดันมาตรการต่างๆ เพื่อให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวขึ้นอย่างจริงจังและเร่งด่วนซึ่งช่วงสิ้นปีถือเป็นไตรมาสที่สำคัญที่สุดในการเร่งฟื้นฟู รวมทั้งเป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะปลุกมู้ดให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยให้สะพัดขึ้นภายในประเทศ และผ่านกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อสูงในโครงการช้อปดีมีคืน”
สมาคมผู้ค้าปลีกไทย จึงขอเสนอให้รัฐนำโครงการ “ช็อปดีมีคืน”กลับมาใช้ในโค้งสุดท้ายของปี 2564 โดยมีรายละเอียด ดังนี้
1. ระยะเวลาตั้งแต่ 15 พฤศจิกายน – 31 ธันวาคม 2564 เพื่อนำไปลดหย่อนภาษีเงินได้ของปี 2564
2. กลุ่มเป้าหมาย เป็นผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่สามารถลดหย่อนภาษีได้จำนวน 3.7 – 4.0 ล้านคนทั่วประเทศโดยไม่มีการจำกัดเงื่อนไขและไม่จำกัดสิทธิกลุ่มที่เคยลงทะเบียนในมาตรการอื่นๆ ของรัฐบาล อาทิ คนละครึ่ง และยิ่งใช้ยิ่งได้ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้มีผู้เข้าร่วมโครงการกว่า 1.5 – 2.0 ล้านคน
3. ขยายวงเงินเป็น 200,000 บาท จากเดิม 30,000 บาท (ในปี 2563)คาดการณ์เงินสะพัดรวมอยู่ที่ 3 – 4 แสนล้านบาท ส่งผลให้ GDP เติบโตขึ้นถึง 0.7 – 1.0%
ทั้งนี้ “ช็อปดีมีคืน”เป็นโครงการที่สามารถอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพและ มีมูลค่าสูงที่สุด โดยสามารถสนับสนุนการใช้จ่ายของผู้คนได้ตรงจุดในระยะเวลาอันสั้น โดยรัฐบาล ใช้งบประมาณเพียง 15,000 – 20,000 ล้านบาทเพื่อเป็นค่าลดหย่อนภาษี จึงถือเป็นบาซูก้าทางการคลัง ที่สามารถสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบได้อย่างมหาศาลในระยะเวลาอันรวดเร็วและใช้งบประมาณ เพียงเล็กน้อย
“สมาคมผู้ค้าปลีกไทย เชื่อว่า “ช็อปดีมีคืน” เป็นไม้ตายสุดท้ายของปีนี้ที่จะเร่งการฟื้นฟูเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็วและเร่งด่วน สร้างเม็ดเงินไหลเวียนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย การกระตุ้น Local Consumption ผ่านกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อสูงให้จับจ่ายใช้สอยจะเป็นกุญแจสำคัญและเป็นการเพิ่มเม็ดเงินโดยทันที เพราะเราไม่สามารถรอรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ยังเข้ามาในประเทศได้ไม่เต็มที่ โค้งสุดท้ายของปีนี้จึงเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดและเป็นสิ่งที่ต้องทำอย่างเร่งด่วนที่สุด” นายญนน์ กล่าว ทิ้งท้าย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 พ.ย. 64)
Tags: lifestyle, กกร., ช็อปดีมีคืน, ญนน์ โภคทรัพย์, สมาคมผู้ค้าปลีกไทย, เศรษฐกิจไทย