สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (8 พ.ย.) โดยได้ปัจจัยบวกจากการที่สภาคองเกรสสหรัฐผ่านร่างกฎหมายการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งคาดว่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมันในประเทศ
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 66 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 81.93 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 2 พ.ย.
- สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 69 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 83.43 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 2 พ.ย.
สัญญาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นหลังจากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้อนุมัติร่างกฎหมายการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน วงเงินกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา และจะส่งต่อให้ประธานาธิบดีโจ ไบเดนลงนามบังคับใช้เป็นกฎหมายต่อไป โดยโครงการดังกล่าวจะรวมถึงการใช้จ่ายงบประมาณในการก่อสร้างถนน สะพาน ทางรถไฟ ปัจจัยพื้นฐานสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง และโครงการอื่นๆ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและการจ้างงานในสหรัฐ
ราคาน้ำมันยังได้ปัจจัยบวกจากการที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส มีมติเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันเพียง 400,000 บาร์เรล/วันในเดือนธ.ค. แม้ว่าสหรัฐได้กดดันให้โอเปกพลัสเพิ่มกำลังการผลิตมากขึ้นเพื่อชะลอการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันยังได้แรงหนุนจากรายงานข่าวที่ว่า บริษัทซาอุดี อารามโค ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันของรัฐบาลซาอุดีอาระเบีย ประกาศขึ้นราคาน้ำมันดิบประเภท Arab Light Crude สำหรับลูกค้าในเอเชีย สู่ระดับ 2.70 ดอลลาร์ในเดือนธ.ค. โดยปรับเพิ่มขึ้น 1.40 ดอลลาร์จากระดับของเดือนพ.ย.
นักวิเคราะห์จากบริษัท ANZ Research กล่าวว่า การประกาศขึ้นราคาขายน้ำมันอย่างเป็นทางการ (OSP) ของซาอุดี อารามโค สะท้อนให้เห็นมุมองที่ว่า ความต้องการใช้น้ำมันยังคงแข็งแกร่ง
นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) มีกำหนดเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันพรุ่งนี้ เวลา 22.30 น.ตามเวลาไทย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 พ.ย. 64)
Tags: lifestyle, น้ำมัน WTI, น้ำมันดิบ, ราคาน้ำมัน