CGS แนะทยอยสะสมหลัง SET มี Valuation น่าสนใจ จับตางบ Q3-กนง.-เงินเฟ้อสหรัฐ

บล.คันทรี่กรุ๊ป (CGS) คาดว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) สัปดาห์นี้มีโอกาสปรับตัวขึ้นกรอบ 1,615-1650 จุด โดยมี Valuation อยู่ในจุดน่าสนใจทยอยสะสมสำหรับระยะกลาง โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาสหรัฐได้รายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรปรากฎว่าเพิ่มขึ้น 5.3 แสนตำแหน่งสูงกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 4.5 แสนตำแหน่ง สอดคล้องกับอัตราการว่างงานที่ลดลงเหลือ 4.6% ดีกว่านักวิเคราะห์คาดที่ 4.7% ภายหลังจากรายงานผล ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ เดินหน้าทำ All time high อีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม กลับพบว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 2 และ 10 ปี ปรับตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ สัญญาณดังกล่าวอาจเป็นตัวบ่งชี้ว่าตลาดเริ่มคลายกังวลกับภาวะเงินเฟ้อในฝั่งอุปทานแล้ว ซึ่งในความเป็นจริงแล้วหลังการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งกว่านักวิเคราะห์คาด อัตราผลตอบแทนพันธบัตรควรจะปรับสูงขึ้น

ขณะเดียวกันหากมาพิจารณาราคาสินค้าโภคภัณฑ์จะพบว่าเริ่มปรับฐานเช่นกัน อาทิ ค่าระวางเรือ ถ่านหิน รวมถึงทิศทางราคาน้ำมันดิบที่เริ่มจะมองไม่เห็นจุดสูงสุดใหม่

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าทิศทางของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐระยะกลางมีแนวโน้มจะขึ้นมากกว่าลง แต่ระยะสั้นถือเป็นบวกต่อตลาดหุ้นและกลุ่มที่มีต้นทุนเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ (BGC CBG EPG SCGP TASCO)

ส่วนปัจจัยสัปดาห์นี้

  1. การประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 3/64 จะเริ่มเข้าสู่กลุ่ม Domestic Play อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าไม่มีผลกับการลงทุนมากนัก เนื่องจากคาดว่าจะออกมาใกล้เคียงนักวิเคราะห์คาดการณ์ หรือหากต่ำกว่าคาดก็ไม่มีผลน่ามีผลมากเพราะตลาดจะให้น้ำหนักกับการฟื้นตัวมากกว่า
  2. การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 10 พ.ย. เราและตลาดคาดที่ประชุมคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับเดิม โดยมองว่าเรื่องของดอกเบี้ยไม่ได้มีผลใดๆ แต่ที่ควรจับตาคือเสียงมติที่ประชุม หากยังคล้ายครั้งก่อนคือมติเอกฉันท์คงดอกเบี้ยจะเป็นสัญญาณยืนยันว่าดอกเบี้ยนโยบายมีโอกาสผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ซึ่งจะเป็นบวกต่อกลุ่มธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK SCB) โดยจะได้ประโยชน์จากการขยายตัวของเศรษฐกิจและส่วนต่างดอกเบี้ยที่จะดีขึ้น
  3. เงินเฟ้อสหรัฐ (CPI) ที่จะประกาศช่วงกลางคืนเวลาประเทศไทย ซึ่ง Bloomberg คาดไว้ที่ +0.5%MoM +5.9%YoY เชื่อว่าตลาดอยากเห็นตัวเลขที่ใกล้เคียงคาด

ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุน มองกลุ่ม Bank (BBL KBANK SCB) น่าสนใจทั้งระยะสั้นและระยะกลาง ขณะที่เชิง Valuation SET ปรับฐานลงมา ส่งผลให้ปัจจุบันซื้อขายเพียง 16.5x อยู่ในกรอบค่าเฉลี่ยถึง +1SD ในรอบ 5 ปีย้อนหลังมองเป็นจุดที่น่าทยอยสะสมสำหรับลงทุนระยะกลางโดยเฉพาะกลุ่มอิงในประเทศ อาทิ ค้าปลีก (BJC CRC CPALL HMPRO) รถไฟฟ้า (BTS BEM) สื่อนอกบ้าน (PLANB VGI) หุ้นมีปัจจัยบวกเฉพาะ (CBG PTG SCGP)

BBL (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 162 บาท) คาดกำไรจะฟื้นตัวตั้งแต่ Q4/64 เป็นต้นไป ด้วยปัจจัยหนุนจากการขยายตัวของสินเชื่อธุรกิจและคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้นส่งผลให้การตั้งสำรองในปีหน้าลดลง อีกทั้งราคาหุ้น ณ ปัจจุบันซื้อขายที่ระดับ 0.5xPBV65E ถือค่อนข้างถูก กอปรกับ มีอัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่น่าสนใจที่ 4.6%

PLANB (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 7.2 บาท) คาดผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดใน Q3/64 โดยจะมีการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งในช่วงไตรมาส 4 เป็นต้นไป หนุนจากการใช้จ่ายค่าโฆษณาของภาคเอกชนที่กลับมาอีกครั้งหลังการคลายล็อกดาวน์ การเริ่มรับรู้รายได้จากป้ายสื่อโฆษณาที่ติดตั้งใหม่ และ รายได้ที่เกี่ยวกับกีฬาที่คาดจะฟื้นตัว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 พ.ย. 64)

Tags: , , , ,