สำนักข่าว Politico รายงานว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง แห่งประเทศจีนอาจตกลงกลับมาเปิดสถานกงสุลอีกครั้ง หลังจากที่ต้องถูกปิดไปเนื่องจากความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐย่ำแย่ลงในยุคของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งการกลับมาเปิดสถานกงสุลจะช่วยสร้างความคืบหน้าสำคัญในการฟื้นฟูความสัมพันธ์ที่มีรอยร้าวระหว่างสองประเทศ
Politico ซึ่งเป็นสื่อสหรัฐที่เน้นข่าวการเมืองระบุว่า ปธน.สีและปธน.ไบเดนมีแนวโน้มที่จะประกาศการผ่อนปรนมาตรการจำกัดวีซ่าอีกด้วย นอกจากนี้ ผู้นำทั้งสองอาจเห็นชอบต่อกรอบนโยบายที่มีเป้าหมายลดความตึงเครียดทางการค้าซึ่งปะทุขึ้นในช่วงการบริหารงานของอดีตปธน.ทรัมป์ ขณะเดียวกันปธน.ไบเดนก็มีแนวโน้มจะจัดการเจรจาเพิ่มเติมระหว่างนักการทูตด้านสภาพอากาศ
ย้อนกลับไปเมื่อเดือนก.ค.ปี 2563 สหรัฐได้แจ้งให้จีนปิดสถานกงสุลในเมืองฮิวสตัน ซึ่งส่งผลให้จีนตอบโต้กลับด้วยการสั่งปิดสถานทูตสหรัฐในเมืองเฉิงตูทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศจีน โดยคณะบริหารของทรัมป์ระบุว่าการดำเนินการดังกล่าวเป็นสิ่งจำเป็นเพราะจีนได้ทำการจารกรรมข้อมูลการค้าของสหรัฐและพยายามสร้างอิทธิพลที่มุ่งร้ายต่อสหรัฐ แม้ว่าจะไม่เคยแสดงหลักฐานเกี่ยวกับข้อกล่าวหาดังกล่าว
นอกจากนี้ ทั้งสองประเทศยังออกมาตรการจำกัดวีซ่าต่อนักเรียนนักศึกษาและนักข่าวในช่วงที่อดีตปธน.ทรัมป์กุมอำนาจ
รายงานระบุว่า กลุ่มสมาชิกสภาสังกัดพรรคเดโมแครตจำนวน 4 คนได้เขียนจดหมายถึงปธน.ไบเดน โดยเรียกร้องให้ผู้นำสหรัฐผลักดันให้มาตรการลดความเสี่ยงด้านนิวเคลียร์ร่วมกับจีนเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้นๆในการประชุมกับปธน.สี ซึ่งจีนมองว่าการดำเนินการลักษณะดังกล่าวเป็นความพยายามในการผลักดันให้จีนเข้าสู่โต๊ะเจรจานิวเคลียร์อันมีวัตุประสงค์เพื่อระงับโครงการของจีน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (05 พ.ย. 64)
Tags: ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ, จีน, สถานกงสุล, สหรัฐ, สี จิ้นผิง, โจ ไบเดน