ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง แห่งประเทศจีนได้เรียกร้องให้มีการซื้อขายวัคซีนและเวชภัณฑ์อื่น ๆ อย่างเสรีทั่วโลก โดยระบุว่าค่านิยมของการใช้มาตรการเพียงฝ่ายเดียว (Unilateralism) และการกีดกันการค้า (Protectionism) ได้เพิ่มสูงขึ้นทั่วโลก ขณะที่ระบบโลกาภิวัตน์ก็กำลังเผชิญอุปสรรค
ทั้งนี้ ปธน.สี ซึ่งกล่าวในพิธีเปิดงานมหกรรมแสดงสินค้านำเข้านานาชาติจีน (China International Import Expo) ได้ชื่นชมผลงานของจีนในการต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในระดับโลก และความพยายามของจีนในการเปิดกว้างเศรษฐกิจประเทศ แม้แต่ในขณะที่จีนยังคงรักษาจุดยืนความอดทนเป็นศูนย์เพื่อควบคุมไวรัสซึ่งทำให้ต้องออกมาตรการจำกัดการเดินทางเข้าและออกประเทศอย่างเข้มงวด
ทั้งนี้ ปธน.สีกล่าวว่า “นับตั้งแต่เกิดการระบาดของโควิด-19 จีนได้ส่งออกหน้ากากอนามัยไปแล้วประมาณ 350 ล้านชิ้น, ชุดป้องกันอีกกว่า 4 พันล้านชุด, อุปกรณ์ตรวจหาเชื้ออีกกว่า 6 พันล้านชิ้นและวัคซีนอีกกว่า 1.6 พันล้านโดส อีกทั้งยังส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อต่อสู้กับโรคระบาดครั้งนี้และสนับสนุนการยกเว้นสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาด้านวัคซีนสำหรับประเทศกำลังพัฒนาอีกด้วย”
ผู้นำจีนยังระบุด้วยว่า จีนสนับสนุนการกระจายและการซื้อขายเวชภัณฑ์ เช่นวัคซีน แบบไม่กีดขวาง พร้อมกล่าวว่าระบอบการค้าระดับพหุภาคีทั่วโลกกำลังเผชิญความท้าทาย ขณะเดียวกันเขายังให้คำมั่นสัญญาว่าจีนจะขยายการนำเข้าและพัฒนาการค้าที่มีความสมดุลให้สำเร็จ อย่างไรก็ดี ปธน.สีไม่ได้กล่าวถึงเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจง
ปธน.สีกล่าวว่าจีนจะขยายการเปิดกว้างอุตสาหกรรมโทรคมนาคมและการบริการด้านสุขภาพภายใต้วิธีการที่มีระเบียบแบบแผน และจะเผยแพร่รายการการจำกัดการลงทุนเพื่อเป็นแนวทางให้บริษัทต่างชาติเข้าสู่ตลาดจีน
นอกจากนี้ ปธน.สีกล่าวว่า จีนจะเข้าร่วมอย่างจริงจังในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และรักษาความมั่นคงทางอาหารและพลังงานโลก
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (05 พ.ย. 64)
Tags: กีดกันการค้า, วัคซีนต้านโควิด-19, สี จิ้นผิง, โควิด-19