10 โบรกฯเชียร์”ซื้อ”หุ้นธนาคารกสิกรไทย (KBANK) เลือกเป็นหุ้น Top pick จากความพร้อมปรับตัวเข้าสู่ยุคดิจิทัล ด้วยการลงทุนด้านดิจิตอลเพื่อสร้าง New S Curve ผ่าน KBTG ที่จะมีการลงทุนด้านเทคโนโลยีเพิ่มขึ้น และขยายฐานผู้ใช้งานผ่าน Kplus และช่องทางต่างๆ ของ partner ประกอบกับ ความล้ำหน้าทางเทคโนโลยีของธนาคารจะเป็นปัจจัยหนุนผลการดำเนินงานในระยะยาว
ทั้งนี้ ผลงานของ KBANK ในปีนี้ถือว่ายังดี แม้จะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 จนทำให้ราคาหุ้นปรับตัวลงไปมาก โดยการเติบโตสินเชื่อปี 64 ทำได้สูงกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มแบงก์ที่มีการเติบโตเฉลี่ย 5% และยังทำได้สูงกว่าเป้าหมายของ KBANK เองที่ 4-6% เพราะ 9 เดือนเติบโตไปแล้วถึง 9% ส่วน NIM ปี 65 ก็จะดีขึ้นมาที่ 3.4% จากปี 64 ทรงตัวที่ราว 3.3%
ตัวเลข NPL ของ KBANK ทำได้ดีเช่นกัน โดยขณะนี้อยู่ที่ 3.85% ต่ำกว่าเป้าหมายที่ 4-4.5% และค่าเฉลี่ย NPL ของกลุ่มแบงก์อยู่ที่ 3.65%
พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปี 64 ของ KBANK จะอยู่ในช่วง 37,000-38,078 ล้านบาท โต 29-29.1%YoY ขณะที่ปี 65 คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 4.3-4.69 หมื่นล้านบาท
ราคาหุ้น KBANK ปิดเที่ยงที่ 142.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท (+1.06%) ส่วนดัชนี SET บวก 0.43%
โบรกเกอร์ | คำแนะนำ | ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) |
ดีบีเอส วิคเคอร์ส | ซื้อ | 208.00 |
เอเชียเวลท์ | ซื้อ | 190.00 |
หยวนต้า | ซื้อ | 180.00 |
โนมูระ พัฒนสิน | ซื้อ | 175.00 |
ยูโอบี เคย์เฮียน | ซื้อ | 172.00 |
ไทยพาณิชย์ | ซื้อ | 171.00 |
เมย์แบงก์ กิมเอ็ง | ซื้อ | 170.00 |
ฟิลลิป | ซื้อ | 170.00 |
เคทีบีเอสที | ซื้อ | 168.00 |
อาร์เอชบี | ซื้อ | 165.00 |
นายเวทิต ตั้งจินดากุล นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) ให้เหตุผลของการเลือกหุ้น KBANK เป็น Top pick ว่า เป็นแบงก์ที่ Asset Quality สามารถควบคุมได้ดี และในแง่ Valuation เมื่อเทียบกับ P/BV. ปี 65 ก็แค่ 0.7 เท่า ขณะที่ ROE ปี 65 คิดเป็น 9.5%
ทั้งนี้ KBANK ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 มาก และราคาหุ้นได้ปรับตัวลงไปมากด้วยเช่นกัน แม้จะมีการขายล็อกกำไรแต่ก็ยังทำให้ KBANK สามารถ Outperform กลุ่มแบงก์ได้ อีกทั้ง KBANK พร้อมที่จะปรับตัวเข้าสู่ยุคดิจิทัล แม้ขณะนี้ยังไม่มีรายละเอียดชัดเจน แต่ก็รอการเปิดตัว
ในด้านการเติบโตสินเชื่อปี 64 ของ KBANK ทำได้สูงกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มแบงก์ที่มีการเติบโตสินเชื่อเฉลี่ยโต 5% และยังทำได้สูงกว่าเป้าหมายของ KBANK เองด้วยที่ให้เป้าเติบโตสินเชื่อไว้ 4-6% แต่ 9 เดือน KBANK ทำได้ไปแล้วถึง 9% ส่วน NIM ปี 65 ก็จะดีขึ้นมาที่ 3.4% ขณะที่ปี 64 ทรงตัวจากปี 63 ซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่ 3.3%
ตัวเลข NPL ของ KBANK ทำได้ดีเช่นกัน โดยขณะที่ NPL อยู่ที่ 3.85% ต่ำกว่าเป้าหมายของ KBANK ที่ไว้ที่ 4-4.5% ซึ่งค่าเฉลี่ย NPL ของกลุ่มแบงก์อยู่ที่ 3.65%
พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2564 ไว้ที่ 37,000 ล้านบาท เติบโต 26% yoy และปี 2565 คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 46,900 ล้านบาท เติบโต 25.7% yoy
ด้านบล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ฯว่า ยังคงมอง KBANK เป็นหุ้นเด่นในกลุ่ม จากทิศทางการฟื้นตัวของผลดำเนินงานในไตรมาส 4/64 และโอกาสในการเติบโตทั้งฝั่ง Traditional Bank ที่มีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และการลงทุนใหม่ด้านดิจิตอลเพื่อสร้าง New S Curve ผ่าน KBTG ที่จะมีการลงทุนด้านเทคโนโลยีเพิ่มขึ้น และขยายฐานผู้ใช้งานผ่าน Kplus และช่องทางต่างๆ ของ partner
กำไรสุทธิ 9 เดือนปี 64 คิดเป็น 73.9% ของประมาณการทั้งปี โดยยังคงประมาณการเดิม โดยคาดผลดำเนินงานในไตรมาส 4/64 จะฟื้นตัวขึ้นตามทิศทางของเศรษฐกิจในประเทศที่ทยอยปรับตัวดีขึ้น หลังภาครัฐฯ ปลดล็อคกิจกรรมทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง คาดหนุนให้รายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิปรับตัวขึ้นต่อ จากทั้ง NIM ที่ค่อยๆ ขยับขึ้นตามสัดส่วนสินเชื่อที่ให้ผลตอบแทนสูงขึ้น เช่น สินเชื่อรายย่อย และสินเชื่อดิจิตอล ที่คาดจะขยายตัวได้ดีในช่วงที่เศรษฐกิจฟื้นตัว รวมถึงรายได้ค่าธรรมเนียมที่จะปรับตัวดีขึ้นสอดรับไปกับธุรกรรมการให้สินเชื่อ และการขายประกัน หรือหน่วยลงทุนที่เพิ่มขึ้นจากเดิม
ขณะที่การตั้งสำรองคาดเริ่มผ่อนคลายลงจากไตรมาส 3/64 หลังตัวเลข NPL ทรงตัวในระดับที่บริหารจัดการได้ จึงคงคาดทั้งปี 2564 KBANK จะมีกำไรสุทธิราว 38,078 ล้านบาท โต 29.1%YoY
ส่วนบล.เอเชียเวลท์ ระบุว่า แนวโน้มการเติบโตของผลประกอบการในปี 65 และโอกาสของการปรับโครงสร้างองค์กรให้เข้ากับยุคดิจิทัลมากขึ้น ประกอบกับความล้ำหน้าทางเทคโนโลยีของธนาคารจะเป็นปัจจัยหนุนผลการดำเนินงานในระยะยาว โดยล่าสุดได้มีการเปิดตัว บริษัท KASIKORN X จำกัด หรือ KX ภายใต้ KBTG เพื่อมุ่งเน้นสร้างธุรกิจด้านนวัตกรรมใหม่ๆ ขึ้นมา แม้ว่าในระยะสั้นจะยังไม่มีนัยยะสำคัญต่อผลประกอบการ แต่เป็นสัญญาณของการปรับตัวต่อโลกดิจิทัลที่เข้ามาถึงอย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ คาดแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/64 ทั้งลดลง QoQ และ YoY โดยสาเหตุการปรับลดลง YoY เนื่องจากฐานที่สูงในไตรมาส 4/64 ที่มีการตั้งสำรองในระดับต่ำ ในขณะที่การปรับตัว QoQ มาจากค่าใช้จ่ายการดำเนินงานที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นตามปัจจัยด้านฤดูกาล อย่างไรก็ดี คาดว่าผลกระทบดังกล่าวค่อนข้างจำกัดตามรายได้ดอกเบี้ยที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากพอร์ตสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่องส่งผลให้คาดว่ากำไรสุทธิ QoQ จะชะลอตัวเพียงเล็กน้อย
ส่วนแนวโน้มผลประกอบการปี 65 เป็นบวก จากรายได้ดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มเติบโตได้ต่อเนื่องจากการขยายพอร์ตสินเชื่ออย่างต่อเนื่องของธนาคาร, แนวโน้มการฟื้นตัวของสภาพเศรษฐกิจตามการผ่อนปรนมาตรการล็อคดาวน์ให้ค่าใช้จ่ายตั้งสารองมีแนวโน้มที่ลดลง และการเริ่มรับรู้รายได้ค่าตอบแทนจากการให้สิทธิฯ จาก บมจ. เมืองไทยประกันชีวิต (MTL) จำนวน 1,270 ล้านบาท ที่ได้ทำสัญญาไว้ตั้งแต่ช่วงกลางปี 64 ทำให้ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 65 มาอยู่ที่ 4.3 หมื่นล้านบาท
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02 พ.ย. 64)
Tags: KBANK, ธนาคารกสิกรไทย, หุ้นแบงก์, หุ้นไทย, เวทิต ตั้งจินดากุล