นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า การแพร่ระบาดของสายพันธุ์เดลตาพลัส (AY.4.2) ในประเทศอังกฤษที่พบการติดเชื้ออยู่ที่ 6% ขณะนี้อยู่ระหว่างการจับตา ทั้งนี้ยังไม่มีความกังวลเรื่องความรุนแรงของการแพร่เชื้อ การดื้อยา และดื้อวัคซีน เนื่องจากเมื่อเปรียบเทียบกับสายพันธุ์เดิม หากเป็นสายพันธุ์ที่มีการแพร่ระบาดเร็ว จะพบคลื่นการระบาดที่ชัดเจนแล้ว สำหรับประเทศไทย พบผู้ติดเชื้อเดลตาพลัส จำนวน 1 ราย และยังไม่พบผู้ติดเชื้อรายอื่นที่มีความเกี่ยวเนื่องใดๆ
ส่วนสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศไทยถือว่าผ่านจุดสูงสุดมาแล้ว แต่ยังต้องจับตามองพื้นที่ภาคใต้ ที่พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะจังหวัดนครศรีธรรมราช นอกจากนี้ ยังต้องจับตาพื้นที่ที่ผู้ติดเชื้อมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เช่น เชียงใหม่ ขอนแก่น ตาก ระยอง และจันทบุรี ในขณะที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีแนวโน้มการติดเชื้อลดลง ส่วนจังหวัดอื่น ๆ สถานการณ์ยังคงทรงตัว อย่างไรก็ดี ยังพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 แบบเป็นกลุ่มก้อน เช่น ในเรือนจำ ชุมชน และตลาด
นอกจากนี้ จากการสำรวจตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. – 19 ต.ค. 64 พบคลัสเตอร์จากงานศพทั้งหมด 9 คลัสเตอร์ จากปัจจัยเสี่ยงทั้งการรับประทานอาหารร่วมกัน, ดื่มสุราร่วมกัน และใช้แก้วแบบวน, สวมหน้ากากอนามัยผิดวิธี หรือไม่สวมหน้ากาก, การเล่นพนัน, มีอาการป่วย ไม่มีการตรวจคัดกรอง และมีการค้างพักแรมร่วมกัน
สำหรับการฉีดวัคซีนในพื้นที่นำร่องท่องเที่ยวใน 17 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดกรุงเทพฯ, เชียงใหม่, ประจวบคีรีขันธ์, เพชรบุรี, ชลบุรี, สมุทรปราการ, ระยอง, ตราด, เลย, หนองคาย, อุดรธานี, บุรีรัมย์, ภูเก็ต, สุราษฎร์ธานี, กระบี่, พังงา และระนอง สามารถฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 ครอบคลุมแล้ว 76.2% และเข็มที่ 2 ครอบคลุมแล้ว 54.9%
ส่วนจังหวัดยังพบการแพร่ระบาดหนัก ได้แก่ จังหวัดตาก, ราชบุรี, จันทบุรี, ระยอง, นครราชสีมา, นครศรีธรรมราช, นราธิวาส, ปัตตานี, ยะลา และสงขลา สามารถฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 แล้ว 48.7% และเข็มที่ 2 อยู่ที่ 33.4%
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 ต.ค. 64)
Tags: COVID-19, กรมควบคุมโรค, กระทรวงสาธารณสุข, เฉวตสรร นามวาท, โควิด-19, โควิดสายพันธุ์เดลตาพลัส