พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) เปิดเผยหลังลงพื้นที่ติดตามการบริหารจัดการน้ำเขื่อนแม่กลอง และเขื่อนศรีนครินทร์ จังหวัดกาญจนบุรี ว่า ได้สั่งการให้หน่วยงานเกี่ยวข้องบูรณาการความร่วมมือเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงน้ำหลาก หรือน้ำป่าไหลหลาก และดำเนินการตามแผนเผชิญเหตุอย่างเคร่งครัด รวมถึงแผนการช่วยเหลือเยียวยาหรือฟื้นฟูให้กลับมาสู่สภาพเดิมโดยเร็วที่สุด โดยให้ครอบคลุมทุกด้านและทั่วถึงทุกกลุ่มประชาชนที่ได้รับผลกระทบ
รวมทั้งให้อนุกรรมการทรัพยากรน้ำจังหวัด โดยจังหวัดกาญจนบุรี และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เร่งรัดการจัดทำแผนหลักแบบบูรณาการเพื่อการบรรเทาอุทกภัยและภัยแล้ง โดยเสนอผ่านคณะกรรมการลุ่มน้ำ และให้ สทนช. รวบรวมเสนอกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กนช.) ให้เห็นชอบโดยเร็ว รวมทั้งให้กำหนดหน่วยงานปฏิบัติที่ได้รับมอบหมายเสนอเข้าแผนงาน และเน้นย้ำการวางแผนกักเก็บน้ำสำรองทุกแหล่ง ทั้งผิวดินและใต้ดิน ไว้รองรับในช่วงฤดูแล้งหน้าด้วย
ทั้งนี้ สทนช. ร่วมกับกรมชลประทาน และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) พิจารณากำหนดแผนการจัดสรรน้ำของอ่างเก็บน้ำเขื่อนศรีนครินทร์ เขื่อนวชิราลงกรณ และเขื่อนแม่กลอง ซึ่งต้องคำนึงถึงการใช้น้ำทุกภาคส่วน โดยเฉพาะการสนับสนุนน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคให้กับพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา โดยการประปานครหลวง ในช่วงฤดูแล้งที่จะถึงนี้ให้ทั่วถึงอย่างเท่าเทียม และมีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งต้องบริหารจัดการทรัพยากรน้ำให้สอดคล้องกับกฎหมายน้ำด้วย
“แม้ลุ่มน้ำแม่กลองจะเป็นลุ่มน้ำที่มีศักยภาพเก็บกักน้ำได้มาก และสามารถส่งน้ำไปช่วยเหลือลุ่มน้ำข้างเคียงได้ก็ตาม แต่จังหวัดกาญจนบุรี ยังมีพื้นที่ภัยแล้งที่เสี่ยงต่อการขาดแคลนน้ำที่เรียกว่า “อีสานของจังหวัดกาญจนบุรี” ครอบคลุม 5 อำเภอในจังหวัดกาญจนบุรี ได้แก่ อ.บ่อพลอย อ.หนองปรือ อ.ห้วยกระเจา อ.เลาขวัญ และ อ.พนมทวน จึงได้กำชับให้ สทนช. บูรณาการร่วมกับกรมชลประทาน กฟผ. และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เร่งรัดการดำเนินงานโครงการผันน้ำเขื่อนศรีนครินทร์เพื่อบรรเทาภัยแล้งจังหวัดกาญจนบุรี ให้บรรลุผลเป็นรูปธรรมและยั่งยืน รวมถึงโครงการต่างๆ ที่ได้รับงบประมาณแล้ว ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่แก้ปัญหาภัยแล้งในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว”
รองนายกรัฐมนตรี กล่าว
ด้านนายชยันต์ เมืองสง รองเลขาธิการ สทนช. เปิดเผยว่า สนทช. ได้ดำเนินโครงการศึกษาความเหมาะสม และวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมการผันน้ำจากเขื่อนศรีนครินทร์ โดยแบ่งการดำเนินงานเป็น 2 ระยะ ดังนี้
ระยะที่ 1 คือ โครงการสถานีสูบน้ำจากแม่น้ำแควใหญ่เริ่มดำเนินปี 66 ระยะเวลาก่อสร้าง 2 ปี เมื่อแล้วเสร็จจะสามารถสูบผันน้ำได้ปีละ 27.25 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) มีพื้นที่รับประโยชน์ 78,508 ไร่ ประชาชนได้รับประโยชน์ 21,659 ครัวเรือน
ส่วนระยะที่ 2 คือ โครงการอุโมงค์ผันน้ำจากเขื่อนศรีนครินทร์ เริ่มดำเนินการปี 68 ระยะเวลาก่อสร้าง 5 ปี เมื่อแล้วเสร็จจะผันน้ำจากอ่างเก็บน้ำเขื่อนศรีนครินทร์ตามแรงโน้มถ่วงได้ปีละ 265.50 ล้าน ลบ.ม. พื้นที่รับประโยชน์ 486,000 ไร่ มีน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภคในเขต อ.เลาขวัญและ อ.ห้วยกระเจา รวม 2.97 ล้าน ลบ.ม. ต่อปี ประชาชนได้รับประโยชน์ 53,810 ครัวเรือน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (คชก.)
ทั้งนี้ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (ปี 61-64 ) จังหวัดกาญจนบุรี มีแผนงานโครงการด้านน้ำในพื้นที่รวม 1,132 โครงการ เช่น ก่อสร้างปรับปรุงขยายการประปาส่วนภูมิภาค ก่อสร้างระบบผันน้ำจากแม่น้ำแควน้อย-บ้านไตรรัตน์ และก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำแควน้อย ขณะที่งบประมาณบูรณาการปี 65 จำนวน 39 โครงการ เช่น แก้มลิงบ้านหนองปลาซิว ฝายคลองหมื่นเทพ พร้อมระบบส่งน้ำ ระบบป้องกันน้ำท่วมพื้นที่ชุมชนด่านมะขามเตี้ย เป็นต้น ซึ่ง สทนช. จะติดตาม และเร่งรัดงานด้านทรัพยากรน้ำทุกโครงการให้เป็นไปตามเป้าหมาย เกิดประโยชน์สูงสุดกับพี่น้องประชาชนตามแผนแม่บทฯ น้ำ 20 ปี
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 ต.ค. 64)
Tags: กอนช., กาญจนบุรี, ชยันต์ เมืองสง, บริหารจัดการน้ำ, ประวิตร วงษ์สุวรรณ, สทนช., อ่างเก็บน้ำ, เขื่อนศรีนครินทร์, เขื่อนแม่กลอง, เยียวยาน้ำท่วม