ผู้ถือหุ้นกู้บางรายของไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่อันดับ 2 ของจีนเปิดเผยว่า พวกเขายังไม่ได้รับดอกเบี้ยหุ้นกู้ 2 ชุดที่ครบกำหนดจ่ายเมื่อวานนี้ (11 ต.ค.) ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวเป็นสัญญาณล่าสุดที่บ่งชี้ว่า วิกฤตหนี้สินของไชน่า เอเวอร์แกรนด์ทวีความรุนแรงขึ้น
นักลงทุนที่เป็นลูกค้าของเอเวอร์แกรนด์เปิดเผยกับสำนักข่าวบลูมเบิร์กว่า พวกเขายังไม่ได้รับดอกเบี้ย 9.5% ของหุ้นกู้ที่มีกำหนดไถ่ถอนในปี 2565 และดอกเบี้ย 10% ของหุ้นกู้ที่มีกำหนดไถ่ถอนในปี 2566 ณ เวลา 17.00 น.ตามเวลาฮ่องกงเมื่อวานนี้ โดยเมื่อนับรวมอัตราดอกเบี้ย 10.5% ของหุ้นกู้ชุดที่ 3 ที่มีกำหนดไถ่ถอนในปี 2567 แล้ว อัตราดอกเบี้ยรวมที่เอเวอร์แกรนด์จะต้องจ่ายให้กับผู้ถือหุ้นเมื่อวานนี้มีมูลค่าสูงถึง 148 ล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ดี เอเวอร์แกรนด์มีเวลาอีก 30 วันหลังวันครบกำหนดชำระเพื่อหาทางจ่ายหนี้ที่เกิดขึ้น ก่อนที่จะถูกประกาศว่าบริษัทผิดนัดชำระหนี้
สถานะทางการเงินของเอเวอร์แกรนด์เริ่มสั่นคลอน หลังจากที่รัฐบาลจีนได้ออกมาตรการควบคุมภาวะร้อนแรงของภาคอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งสกัดการก่อหนี้ของบริษัทขนาดใหญ่ในภาคดังกล่าว โดยภาคอสังหาริมทรัพย์ถือเป็นเสาหลักสำคัญในการขยายตัวของจีน และมีสัดส่วนผลผลิตทางเศรษฐกิจสูงเกือบ 30% ซึ่งการล้มละลายของเอเวอร์แกรนด์จะส่งผลกระทบลุกลามไปยังบริษัทอื่นๆ ในภาคอสังหาริมทรัพย์ และสร้างความเสี่ยงต่อระบบธนาคารของจีน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 ต.ค. 64)
Tags: จีน, หุ้นกู้, อสังหาริมทรัพย์, เอเวอร์แกรนด์, ไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป