รัฐบาลเกาหลีใต้เปิดเผยในวันนี้ว่า จะยกระดับเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจาก 26.3% เป็น 40% ภายในปี 2573 โดยเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2593
เป้าหมายการมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนด (Nationally Determined Contribution : NDC) ฉบับปรับปรุงได้รับการเสนอโดยพรรครัฐบาลในเดือนมิ.ย. และจะเผยแพร่อย่างเป็นทางการในการประชุมสหประชาชาติ (UN) ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศครั้งที่ 26 (COP26) ที่เมืองกลาสโกว์ในเดือนพ.ย. โดยแผนของรัฐบาลจะนำเสนอต่อสหประชาชาติในเดือนธ.ค.
ประธานาธิบดีมูน แจอิน แห่งเกาหลีใต้ได้เสนอ “ข้อตกลงใหม่สีเขียว” เพื่อช่วยให้เกาหลีใต้ฟื้นตัวจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ไปพร้อมกับการบรรลุเป้าหมายในการปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ภายในปี 2593
“ผมเชื่อว่าเรากำลังอยู่ในยุคที่ไม่เคยมี ไม่เคยเห็น ไม่เคยได้ยินมาก่อน” นายชอน อึยชาน ประธานคณะกรรมการว่าด้วยความเป็นกลางทางคาร์บอน กล่าวในการประชุมทางโทรทัศน์ในวันนี้ โดยระบุว่ารายงานการประเมินของคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (IPCC) ได้ผลสรุปว่า มนุษยชาติกำลังอาศัยอยู่ภายใต้ความเข้มข้นของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศสูงกว่าในช่วงเวลาใด ๆ อย่างน้อย 2 ล้านปี
ทั้งนี้ กลุ่มสิ่งแวดล้อมต่างตอบรับเป็นอย่างดีถึงคำปฏิญาณของเกาหลีใต้ที่จะลดการปล่อยมลพิษ แต่วิพากษ์วิจารณ์ว่าตั้งเป้าหมายต่ำเกินไป
กลุ่ม “ทางแก้ปัญหาสภาพอากาศของเรา” (SFOC) ของเกาหลีใต้กล่าวว่า เป้าหมายดังกล่าวยังคงไม่เพียงพอที่จะบรรลุเป้าหมายของข้อตกลงปารีสและเป็นการอาศัยการลดมลพิษในต่างประเทศอย่างขาดความรับผิดชอบ
“เกาหลีต้องลดการปล่อยมลพิษภายในประเทศให้ได้อย่างน้อย 59% ที่ต่ำกว่าระดับปี 2560 ภายในปี 2573 เพื่อให้ได้ตามเป้าหมายภายใต้ข้อตกลงปารีส” จูจิน คิม กรรมการผู้จัดการของกลุ่ม SFOC ระบุในแถลงการณ์
“เกาหลีกำลังตามหลังประเทศที่พัฒนาแล้วจำนวนมากที่มุ่งมั่นที่จะลดการปล่อยมลพิษลงครึ่งหนึ่งเป็นอย่างน้อยภายในสิ้นทศวรรษ”
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 ต.ค. 64)
Tags: Carbon Neutrality, UN, ก๊าซเรือนกระจก, มลพิษ, มูน แจอิน, สภาพภูมิอากาศ, สิ่งแวดล้อม, เกาหลีใต้