นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐกล่าวให้สัมภาษณ์ในรายการ “Squawk Box” ของสถานีโทรทัศน์ CNBC ว่า เธอคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจจะเข้าสู่ภาวะถดถอย หากสภาคองเกรสไม่ขยายเพดานหนี้ของรัฐบาลกลางเพื่อช่วยให้สหรัฐสามารถหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
“ดิฉันกำหนดเส้นตายวันที่ 18 ต.ค.นี้ หากสภาคองเกรสไม่ขยายเพดานหนี้ รัฐบาลสหรัฐก็จะไม่สามารถจ่ายหนี้ตามภาระผูกพันได้ และสิ่งที่จะตามมาคือหายนะ ซึ่งดิฉันคิดว่าความรุนแรงของหายนะครั้งนี้อาจถึงขั้นทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย” นางเยลเลนกล่าว
การให้สัมภาษณ์ดังกล่าวถือเป็นการตอกย้ำคำเตือนของนางเยลเลนก่อนหน้านี้ โดยสิ่งที่กระทรวงการคลังประมาณการในขณะนี้ก็คือว่า เม็ดเงินในมาตรการพิเศษของกระทรวงจะหมดลงหากสภาคองเกรสไม่ปรับเพิ่มเพดานหนี้หรือระงับเพดานหนี้ภายในวันที่ 18 ต.ค.นี้ ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้น ก็คาดว่ากระทรวงการคลังจะมีทรัพยากรที่จำกัดมาก และจะหมดลงอย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ เพดานหนี้คือจำนวนเงินทั้งหมดที่รัฐบาลสหรัฐได้รับอนุญาตให้ทำการกู้ยืมเพื่อให้รัฐบาลสามารถชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย ซึ่งรวมถึงค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับสวัสดิการด้านประกันสังคมและด้านสุขภาพ, ดอกเบี้ยตราสารหนี้ของรัฐบาล และการใช้จ่ายอื่น ๆ
นางเยลเลนยังกังวลว่า หากสหรัฐผิดนัดชำระหนี้ก็จะส่งผลให้บางประเทศลดการถือครองพันธบัตรของรัฐบาลสหรัฐและทำให้ความต้องการถือครองสกุลเงินดอลลาร์ลดลงด้วย ซึ่งอาจเปิดทางให้สกุลเงินหยวนของจีนเข้ามามีบทบาทแทนสกุลเงินดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินที่ได้รับความนิยมในตลาดโลก
“พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยที่สุดในโลกมาอย่างยาวนาน ซึ่งนั่นเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้สกุลเงินดอลลาร์เป็นสกุลเงินสำคัญในระบบทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ และหากมีสกุลเงินอื่นเข้ามาแทนที่ดอลลาร์อันเนื่องมาจากผลกระทบของการผิดนัดชำระหนี้ ผลที่จะตามมาคือหายนะอย่างแน่นอน” นางเยลเลนกล่าว
ทางด้านประธานาธิบดีโจ ไบเดนแห่งสหรัฐได้เรียกร้องให้สภาคองเกรสเร่งเพิ่มเพดานหนี้หรือระงับเพดานหนี้ภายในสัปดาห์นี้ พร้อมกับกล่าวโจมตีสมาชิกพรรครีพับลิกันที่ขัดขวางความพยายามในการเพิ่มเพดานหนี้ว่าเป็นพฤติกรรมหน้าไหว้หลังหลอก
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (06 ต.ค. 64)
Tags: ผิดนัดชำระหนี้, เจเน็ต เยลเลน, เพดานหนี้, เศรษฐกิจสหรัฐ