สวนดุสิตโพล เผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศส่วนใหญ่ 61.43% มีความพร้อมที่จะให้บุตรหลานในวัยเรียนไปรับการฉีดวัคซีน ตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการเพื่อเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันโควิด-19 ให้เด็กกลับมาเรียนตามปกติได้เร็วที่สุด ส่วนประชาชน 26.17% ขอรอดูสถานการณ์ก่อน แต่ประชาชนอีก 12.40% ยังไม่พร้อม
ประชาชนส่วนใหญ่ 64.72% มีความเชื่อมั่นต่อประสิทธิภาพของวัคซีนที่จะฉีดให้กับเยาวชนอายุ 12-17 ปี แต่ประชาชนอีก 35.28% ยังไม่มีความเชื่อมั่น เนื่องจากประชาชน 46.74% คิดว่าการฉีดวัคซีนให้กับเยาวชนอายุ 12-17 ปี มีผลดีมากกว่าผลเสีย ส่วนอีก 40.96% คิดว่ามีทั้งผลดีผลเสียพอๆ กัน แต่ประชาชนอีก 12.30% คิดว่ามีผลเสียมากกว่าผลดี
สำหรับข้อกังวลและห่วงใยต่อการฉีดวัคซีนให้กับเยาวชนอายุ 12-17 ปี ได้แก่ อันดับ 1 อาการข้างเคียงหลังฉีดวัคซีน 77.59% อันดับ 2 ผลข้างเคียงของวัคซีนที่มีในระยะยาว 69.42% อันดับ 3 ความรับผิดชอบหากเกิดอาการผิดปกติ 62.08% อันดับ 4 ประสิทธิภาพของวัคซีน 61.89% และ อันดับ 5 สุขภาพร่างกายก่อนเข้ารับการฉีดวัคซีน 47.20%
โดยประชาชน 64.13% อยากให้รัฐจัดวัคซีนมาให้บริการฉีดให้ที่โรงเรียน รองลงมา 17.02% ผู้ปกครองพาไปฉีดที่โรงพยาบาล ตามด้วย 10.19% ผู้ปกครองพาไปฉีดที่ศูนย์บริการส่วนกลาง และอีก 8.66% ให้โรงเรียนพาไปฉีดที่ศูนย์ส่วนกลาง
อย่างไรก็ตาม ประชาชนส่วนใหญ่ 75.44% เห็นด้วยกับการฉีดวัคซีนให้เยาวชนอายุ 12-17 ปี เพื่อให้สามารถไปเรียนที่โรงเรียนได้ตามปกติ แต่ประชาชนอีก 24.56% ไม่เห็นด้วย
ทั้งนี้ สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนที่มีบุตรหลานในวัยเรียนต่อกรณีการฉีดวัคซีนให้กับเยาวชนอายุ 12-17 ปี จากกลุ่มตัวอย่างทางออนไลน์จำนวนทั้งสิ้น 1,089 คน ระหว่างวันที่ 27-30 ก.ย.ที่ผ่านมา
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (03 ต.ค. 64)
Tags: COVID-19, ฉีดวัคซีน, วัคซีนต้านโควิด-19, สวนดุสิตโพล, โควิด-19