วิกฤตด้านพลังงานของจีนเริ่มส่งผลกระทบต่อประชาชน ทั้งยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการขาดเสถียรภาพในสังคม ซึ่งเป็นปัญหาที่ซ้ำเติมภาวะชะงักงันในห่วงโซ่อุปทานที่ลุกลามไปทั่วโลก
ทั้งนี้ ปัญหาด้านพลังงานของจีนนั้นเกิดขึ้นใน 2 ลักษณะ โดยในบางมณฑลได้สั่งให้ลดการดำเนินงานในภาคอุตสาหกรรมลง เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายการปล่อยมลพิษและค่าความเข้มข้นของการใช้พลังงาน ในขณะที่มณฑลอื่น ๆ เผชิญกับการขาดแคลนไฟฟ้าอย่างแท้จริง เนื่องจากต้นทุนถ่านหินและก๊าซธรรมชาติที่พุ่งทะยานขึ้นทำให้ผู้ผลิตไฟฟ้าชะลอการผลิตท่ามกลางความต้องการใช้ที่สูง
ชาวจีนในหลายมณฑลทางตอนเหนือได้รับผลกระทบจากไฟฟ้าดับ ขณะที่มณฑลกวางตุ้งซึ่งเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมทางตอนใต้ของประเทศได้ขอความร่วมมือให้ประชาชนปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศให้สูงกว่า 26 องศาเซลเซียสเพื่อหลีกเลี่ยงไฟฟ้าดับเป็นวงกว้าง
ทางด้านไฉซินรายงานว่า มณฑลทางตอนเหนือของจีน เช่น มณฑลเหลียวหนิง, จี๋หลิน และเฮยหลงเจียง ประสบกับปัญหาไฟฟ้าดับในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีการตัดสัญญาณไฟจราจรจนสร้างความเสียหายให้กับการจราจรในช่วงเวลาที่เร่งด่วน
นายอู๋ จิงผิง รองผู้ว่าการมณฑลจี๋หลิน เรียกร้องให้ดำเนินการจ่ายไฟให้เพียงพอต่อความต้องการไฟฟ้าในที่พักอาศัย และหลีกเลี่ยงการตัดไฟทุกวิถีทาง ขณะที่มาตรการควบคุมการใช้พลังงานมีแนวโน้มที่จะดำเนินต่อไปจนถึงเดือนมี.ค. ปีหน้า นอกจากนี้ ยังมีคำแนะนำให้ผู้อยู่อาศัยควรเตรียมพร้อมรับมือการตัดน้ำด้วย
ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับครัวเรือนของจีนนั้นแสดงให้เห็นถึงวิกฤตไฟฟ้าที่ทวีความรุนแรงอย่างรวดเร็ว ขณะที่รัฐบาลจีนได้ขอให้ผู้ใช้ไฟฟ้ารายใหญ่ในภาคอุตสาหกรรมลดการใช้ไฟลง ซึ่งสร้างความกังวลว่าอาจเกิดผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานโลก
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 ก.ย. 64)