ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 300 จุดในวันอังคาร (29 เม.ย.) ขานรับความหวังที่ว่าสหรัฐฯ จะสามารถบรรลุข้อตกลงการค้ากับบรรดาประเทศคู่ค้า ขณะเดียวกันนักลงทุนประเมินรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน และข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่มีการเปิดเผยล่าสุด
- ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 40,527.62 จุด เพิ่มขึ้น 300.03 จุด หรือ +0.75%,
- ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,560.83 จุด เพิ่มขึ้น 32.08 จุด หรือ +0.58% และ
- ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,461.32 จุด เพิ่มขึ้น 95.18 จุด หรือ +0.55%
หุ้น 10 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยหุ้นกลุ่มการเงินดีดตัวขึ้น 0.97% ตามด้วยหุ้นกลุ่มวัสดุปรับตัวขึ้น 0.92% ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลง 0.37%
ตลาดได้รับแรงหนุนหลังจากสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ เปิดเผยว่า สหรัฐฯ มีความคืบหน้าในการเจรจาการค้ากับประเทศต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงญี่ปุ่นและอินเดีย พร้อมกับกล่าวว่าการที่จีนการยกเว้นการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าบางรายการของสหรัฐฯ นั้น สะท้อนให้เห็นว่าจีนเต็มใจที่จะทำให้ความตึงเครียดด้านการค้าคลี่คลายลง อย่างไรก็ดี เบสเซนต์ไม่ได้ยืนยันว่าสหรัฐฯ มีการเจรจาการค้ากับจีน
นอกจากนี้ มีรายงานว่ารัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะดำเนินการเพื่อลดผลกระทบจากมาตรการเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ โดยจะผ่อนปรนการเก็บภาษีบางส่วนสำหรับชิ้นส่วนรถยนต์ต่างประเทศที่ใช้ในการผลิตรถยนต์ภายในสหรัฐฯ และจะป้องกันไม่ให้มีการเรียกเก็บภาษีซ้ำซ้อนกับภาษีอื่น ๆ สำหรับรถยนต์ที่ผลิตในต่างประเทศ
หุ้นฮันนีเวลล์ (Honeywell) ซึ่งเป็นบริษัทอุตสาหกรรมรายใหญ่ของสหรัฐฯ พุ่งขึ้น 5.4% และหุ้นเชอร์วิน-วิลเลียมส์ (Sherwin-Williams) ซึ่งเป็นผู้ผลิตสี พุ่งขึ้น 4.8% หลังจากทั้งสองบริษัทเปิดเผยกำไรที่แข็งแกร่งเกินคาดในไตรมาส 1/2568 โดยการพุ่งขึ้นของหุ้นทั้งสองบริษัทเป็นอีกหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยหนุนดัชนีดาวโจนส์ปิดในแดนบวก
หุ้นโคคา-โคล่า (Coca-Cola) ดีดตัวขึ้น 0.84% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรและรายได้ที่สูงเกินคาดในไตรมาส 1
หุ้นไฟเซอร์ (Pfizer) ซึ่งเป็นบริษัทเวชภัณฑ์รายใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ พุ่งขึ้น 3.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรที่สูงกว่าคาดในไตรมาส 1 อย่างไรก็ดี รายได้ของไฟเซอร์อยู่ในระดับต่ำกว่าการคาดการณ์ โดยได้ผลกระทบจากการลดลงของยอดขายยาแพกซ์โลวิด (Paxlovid) ซึ่งเป็นยารักษาโรคโควิด-19
หุ้นอะเมซอน (Amazon) ปรับตัวลง 0.17% หลังจากทำเนียบขาวได้แสดงความไม่พอใจต่อการที่อะเมซอนมีแผนที่จะแสดงต้นทุนราคาสินค้าที่เกิดจากการเรียกเก็บภาษีศุลกากรของรัฐบาลทรัมป์ ด้านข้างของราคาโดยรวมของสินค้าบนเว็บไซต์บริษัท โดยแคโรไลน์ เลวิตต์ โฆษกทำเนียบขาวกล่าวว่า การกระทำของอะเมซอนมีแรงจูงใจทางการเมือง
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการรายงานเมื่อคืนนี้ สำนักงานสถิติของกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) พบว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงาน ลดลงสู่ระดับ 7.19 ล้านตำแหน่งในเดือนมี.ค. ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 7.50 ล้านตำแหน่ง จากระดับ 7.48 ล้านตำแหน่งในเดือนก.พ.
ทั้งนี้ ตัวเลข JOLTS นับเป็นข้อมูลที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสนใจ โดยมองว่าเป็นมาตรวัดภาวะตึงตัวในตลาดแรงงาน ซึ่งเป็นปัจจัยในการพิจารณานโยบายการเงิน และอัตราดอกเบี้ยของเฟด
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ โดยในวันนี้จะมีการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนจาก ADP เดือนเม.ย., ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1/2568 และดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนมี.ค.
ส่วนในวันศุกร์นี้ สหรัฐฯ จะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนเม.ย. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้นเพียง 129,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น 228,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. และคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 4.2% ในเดือนเม.ย.
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 เม.ย. 68)
Tags: dowjones, ดาวโจนส์, ตลาดหุ้น, ตลาดหุ้นนิวยอร์ก