WealthMePlease: ปรับพอร์ตด่วน!! ลงทุนยังไงให้รอด ยุคเดาใจ”ทรัมป์”

นับตั้งแต่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ประกาศเรียกเก็บภาษีตอบโต้กับทุกประเทศตั้งแต่ต้นเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา โลกลงทุนระส่ำ!! ทั้งตลาดหุ้น บอนด์ยีลด์ ค่าเงิน ทองคำ ผันผวนสูง สะท้อนความไม่แน่นอน และเห็นแววสงครามการค้าจีน-สหรัฐรุนแรง แม้ต่อมาท่าทีทรัมป์จะอ่อนลงบ้าง แต่ก็ยังไม่เห็นแอคชั่นที่ชัดเจน

แล้วทีนี้หมู่นักลงทุนจะปรับพอร์ตกันยังไงกับสถานการณ์ความไม่แน่นอนสูง วันนี้ “Wealth Me Please” ชวนคุยกับ คุณแบงก์ – ชยนนท์ รักกาญจนันท์ CEO Finnomena Funds เห็นว่าในสถานการณ์เช่นนี้ ควรจะกระจายความเสี่ยงการลงทุน กระจายลงทุนหลากหลายสินทรัพย์ ไม่ว่าจะเป็นหุ้นในประเทศ หุ้นต่างประเทศ ตราสารหนี้ ทองคำ

โดยราคาทองคำขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 3,500 เหรียญ/ออนซ์ มองว่าเป็นจุดสูงสุดของรอบ มีโอกาสที่จะพักฐาน แนะนำให้รอย่อค่อยเข้าซื้อ บริเวณแนวรับ 3,200-3,000 เหรียญ/ออนซ์

ส่วนตลาดหุ้น ให้เลือกตลาดเข้า แนะนำตลาดหุ้นญี่ปุ่น ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ตลาดหุ้นเวียดนาม ซึ่งประเทศเหล่านี้เป็นพันธมิตรกับสหรัฐ โดยมองว่า ญี่ปุ่น จะเป็นประเทศแรก ๆ ที่ดีลเจรจาการค้าจบก่อนใคร

ขณะที่ตลาดหุ้นจีน แม้ว่าจีนกำลังเตรียมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่เพื่อรับกับผลกระทบที่สหรัฐขึ้นภาษีกับจีนอย่างมาก คาดว่า รีบาวด์ขึ้นมาก็มีอัพไซด์จำกัด เพราะยังต้องสู้กับสหรัฐหลายยก ยกเว้นกลุ่มหุ้น Tech และ หุ้น A Share ที่เป็นบริษัทที่พึ่งพิงตลาดในประเทศจีน ก็มีโอกาสรีบาวด์

กลับมามองหุ้นไทย จากที่ไทยยังไม่ได้เริ่มเข้าสู่กระบวนการเจรจาการค้ากับสหรัฐ ทำให้ความเสี่ยง หรือ ดาวน์ไซด์ ตลาดหุ้นไทยยังมีอยู่ และหวั่น ๆ ว่าจะหลุดระดับ 1,000 จุด ในไตรมาส 2 นี้ แต่มองในมุมเฟ้นหาหุ้นดีและถูกอย่างหุ้นปันผล ที่ไม่ได้เกี่ยวกับการค้าการส่งออกไปสหรัฐก็น่าสนใจ ซึ่งก็ต้องเจาะลึกไปว่า มีการจ่ายปันผลสม่ำเสมอหรือไม่

สุดท้าย เราจะปรับพอร์ตหุ้นใหม่กัน โดยหุ้นสหรัฐจะปรับลดเหลือสัดส่วน 25% จากเดิม 50% (ตามดัชนี MSCI Word Index) หุ้นญี่ปุ่น 20% หุ้นเวียดนาม 10% หุ้นเกาหลี 10% หุ้นอินเดีย 10% หุ้นไทย 25%

ดังนั้นการจัดพอร์ตลงทุนใหม่ วางหุ้นไว้ 60% รอลงมาเป็นตราสารหนี้ 20% ทองคำ 10% เงินสดหรือ Money Market 10%

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 เม.ย. 68)

Tags: ,