MAJOR ร่วง 4.85% ลดลง 0.50 บาท มาที่ 9.80 บาท มูลค่าการซื้อขาย 14.46 ล้านบาท เมื่อเวลา 15.00 น. จากราคาเปิด 10.20 บาท ราคาสูงสุด 10.20 บาท และราคาต่ำสุด 9.75 บาท
บล.ทิสโก้ เปลี่ยนคำแนะนำ บมจ.เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป [MAJOR] เป็น “ถือ” จาก “ซื้อ” โดยคาดกำไรสุทธิปีนี้ลดลงจากแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 1/68 ต่ำกว่าคาด และจะเริ่มดีขึ้นครึ่งปีหลัง ราคาเป้าหมายใหม่จากการปรับประมาณการอยู่ที่ 13.4 บาท จากเดิมอยู่ที่ 17 บาท
โดยคาด MAJOR จะมีกำไรสุทธิ ไตรมาส 1/68 อยู่ที่ 18 ล้านบาท (ลดลง 86% YoY และ 94% QoQ) โดยในไตรมาสนี้มีการตั้งด้อยค่าสาขาเซ็นทรัลปิ่นเกล้าประมาณ 10 ล้านบาท และมีการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษี (tax loss carry forward) ประมาณ 25 ล้านบาท สำหรับรายได้ใน ไตรมาส 1/68 เราคาดลดลง เนื่องจากจำนวนหนังที่เข้าฉายมีจำนวนน้อยประมาณ 20 เรื่อง และหนังใหญ่ไม่ทำเงินจากจำนวนคนดูที่ลดลง ส่งผลให้ธุรกิจอาหารทานเล่นลดลง และไม่มีรายได้หนังเรื่องใดที่ทำเงินเกิน 70 ล้านบาท
แนวโน้มกำไร ไตรมาส 2/68 ค่อนข้างท้าทายเทียบกับปีที่ผ่านมา จากหนัง ไตรมาส 2/67 ที่ทำรายได้ค่อนข้างสูงได้แก่ “หลานม่า” ทำรายได้ 226 ล้านบาท, “อนงค์” 110 ล้านบาท, “Godzilla x Kong” 83 ล้านบาท เป็นต้น สำหรับ ไตรมาส2/68 จะมีหนังเรื่อง “Mission : Impossible 8”, “Thunderbolts” หนัง animation ได้แก่ “How to train the dragon”, “Lilo & Stitch 2” และหนังไทย “เดอะสโตน พระแท้คนเก๊”, “4 ป่าช้า” เป็นต้น
เราคาดรายได้หนังจะกลับมาเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง โดย ไตรมาส 3/68 มีเรื่อง “JurassicWorld”, “Superman”, “Fantastic 4”, “หอแต๋วแตก”, และในไตรมาส 4 มีหนังไทยที่เคยทำเงินหลายเรื่อง ได้แก่ “ธี่หยด 3” “อนงค์ 2” “อีเรียมซิ่ง 2” “สัปเหร่อ 2” เป็นต้น
เราปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 68-69 ลดลงจากคาดเดิมปีละ 28% มาอยู่ที่ 574 ล้านบาท (-23%YoY) และ 631 ล้านบาท (+10%YoY) ตามลำดับ คาดรายได้ตัวหนังลดลง 8% YoY จากคาดจำนวนผู้ชมเฉลี่ยลดลงจากคาดเดิม 10% มาอยู่ที่ 27.4 ล้านคน (-7%YoY) และปีถัดไปเพิ่มขึ้นปีละ 2% โดยราคาตั๋วเฉลี่ยคาดเท่าเดิมอยู่ที่เฉลี่ย 163 บาท และปีถัดไปทรงตัว คาดสัดส่วนรายได้มาจากกรุงเทพฯและต่างจังหวัด 42:58 จากการขยายโรงหนังต่างจังหวัดมากขึ้นและเน้นภาพยนตร์ไทยมากขึ้น
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 เม.ย. 68)
Tags: MAJOR, หุ้นไทย, เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป