SET ปิดเช้านี้ที่ 1,150.40 จุด ลดลง 3.37 จุด (-0.29%) มูลค่าซื้อขายราว 23,287 ล้านบาท นักวิเคราะห์ เผยตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับลงตอบรับความผิดหวังท่าทีสหรัฐเปลี่ยนมาไม่เร่งเจรจาจีน ทำให้มีแรงขายทำกำไรออกมา อีกทั้งราคาน้ำมันย่อลงกดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน และตัวเลขนักท่องเที่ยวโตน้อยกว่าคาด แม้มีแรงเก็งกำไรหุ้นชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์หลังส่งออกโตกระฉูด แต่มองเป็นเพียงปัจจัยระยะสั้น เพราะมาจากการเร่งนำเข้าก่อนสหรัฐขึ้นภาษี แนวโน้มช่วงบ่ายคาดตลาดซึมตัว ให้แนวรับ 1,140 จุด แนวต้านที่ 1,160 จุด
ตลาดหลักทรัพย์ฯ ปิดช่วงเช้าวันนี้ 1,150.40 จุด ลดลง 3.37 จุด (-0.29%) มูลค่าซื้อขายราว 23,287 ล้านบาท
การซื้อขายช่วงเช้า ดัชนีแกว่งตัวในแดนลบ โดยทำระดับต่ำสุด 1,143.29 จุด และทำจุดสูงสุด 1,155.13 จุด
นายวทัญ จิตติ์สมนึก ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บล.พาย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงหลังจาก 1-2 วันขึ้นมาได้ต่อเนื่องจากความคาดหวังสงครามการค้าสหรัฐ-จีนผ่อนคลาย แต่ล่าสุดรัฐมนตรีคลังสหรัฐฯแสดงท่าทีไม่เร่งรีบเจรจาจีน แม้วานนี้นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐรับว่าเรียกภาษีจีนสูงเกินไป ทำให้ตลาดผิดหวังตลาดหุ้นสหรัฐไปต่อไม่สุด ขณะที่ราคาทองคำทำนิวไฮที่ 3,500 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ก่อนร่วงมาหลุด 3,300 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ แต่วันนี้ราคาทองกลับมาดีดตัวขึ้นสะท้อนความไม่แน่นอนการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน
จากปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยมีแรงขายทำกำไรออกมาและราคาน้ำมันดิบปรับลง กดดันหุ้นกลุ่มพลังงานด้วย ขณะที่นักท่องเที่ยวตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน (YTD) เติบโตเพียง 0.5% จากที่ตลาดคาดเติบโต 8% ในปีนี้ เป็นสัญญาณว่าเศรษฐกิจไม่ดีทำให้มีแรงขายกลุ่มท่องเที่ยวด้วย แม้ว่าส่งออกของไทยในเดือน มี.ค.เติบโตสูงถึง 17.8% แต่เป็นเพราะมีการเร่งนำเข้า-ส่งออกสินค้าก่อนที่สหรัฐจะเริ่มขึ้นภาษี คาดว่าตัวเลขไตรมาส 3/68 น่าจะปรับตัวลง อย่างไรก็ดี วันนี้มีแรงเก็งกำไรหุ้นกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่ส่งออกได้มาก
แนวโน้มตลาดหุ้นในช่วงบ่าย คาดว่าตลาดน่าจะซึมๆ ไม่ไหนไม่ไหว โดยมองว่าในช่วง 90 วันที่สหรัฐฯเลื่อนการเก็บภาษีตอบโต้นั้นจะชะลอลงทุน สุดท้ายสงครามการค้าทำให้เศรษฐกิจมี downside และมองว่าถึงแม้จะมีเม็ดเงินกองทุน Thai ESGX เข้ามาช่วยตลาดแต่คงเป็นแค่ระยะสั้นเท่านั้น
พร้อมให้แนวรับ 1,140 จุด แนวต้านที่ 1,160 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
DELTA มูลค่าการซื้อขาย 2,432.59 ล้านบาท ปิดที่ 78.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 2,063.98 ล้านบาท ปิดที่ 154.50 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท
SCB มูลค่าการซื้อขาย 1,348.43 ล้านบาท ปิดที่ 117.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.50 บาท
BBL (XD) มูลค่าการซื้อขาย 1,259.13 ล้านบาท ปิดที่ 136.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 1,208.75 ล้านบาท ปิดที่ 98.75 บาท ลดลง 3.75 บาท
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 เม.ย. 68)
Tags: SET, ตลาดหุ้น, ตลาดหุ้นไทย, หุ้นไทย